ออยล์คูลเลอร์มีไว้ทำอะไร สำคัญอย่างไร จำเป็นมั้ย?




ออยล์คูลเลอร์ ( OIL COOLER )

แปลตรงตัวเลยมันก็คือ ตัวระบายความร้อนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันไฮดรอลิค ที่เราเห็นรถพวกรถแต่งทั้งหลาย มักหามาใส่กัน หรือใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องบอกว่าออยล์คูลเลอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด แต่การติดตั้งที่ผิดวิธี ผิดทิศทางลม ผิดตำแหน่งการเรียงลำดับ หรือการติดตั้งไม่ถูกหลักต่างๆ มันก็อาจจะกลายเป็นส่วนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เรามารูจักหน้าที่การทำงานและประโยชน์กันก่อนดีกว่าน้ำมันเครื่องที่เราใช้อยู่มีหน้าที่ในการลดการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ เครื่องยนต์มีการสึกหรอน้อยที่สุดโดยอาศัยฟิล์มบางๆของน้ำมันเครื่องเข้าไป แทรก
Gear Oil Cooler
ตัวอย่าง หนึ่งในรูปแบบของ ออยล์คูลเลอร์
ในช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆเช่น เพลาข้อเหวี่ยง แหวนสูป ก้านสูป เพลาราวลิ้น แคมชาร์ป และส่วนอื่นๆอีก น้ำมันเครื่องที่ดีจะมีสารในการยึดเกาะโลหะได้ดี แต่ก็จะทำงานได้ที่อุณหภูมิที่กำหนดเท่านั้น น้ำมันเครื่องที่มีราคาแพงจะสามารถทำหน้าที่ในการหล่อลื่นที่ อุณหภูมิสูงๆได้ดีและใช้ได้ยาวนานกว่าเพราะมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติน้อย น้ำมันเครื่องที่มีราคาถูกจะทำงานได้ดีที่อุณหภูมิที่กำหนดแต่พออุณหภูมิสูง ขึ้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติเหลวใสขึ้นในขณะที่เครื่องต้องทำงาน หนักขึ้น ความร้อนเกิดขึ้นสูง โลหะในเครื่องยนต์เกิดการขยายตัว ดังนั้นโอกาสที่โลหะจะเกิดการกระทบกันเป็นไปได้มากและเกิดความเสียหายขึ้น ในระบบเกียร์ก็เช่นกัน ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญที่ทำให้รถนั้นยังวิ่งได้อย่างราบรื่น

หน้าที่ของออยล์คูลเลอร์


ออยล์คูลเลอร์มีหน้าที่ในการช่วยระบายความร้อนของน้ำมันเครื่องที่หมุนเวียนอยู่ในเครื่องยนต์ของเรา ให้เย็นลง ในอยู่ในระดับความร้อนที่พอดี ไม่เย็นจนเกินไปเพราะเมื่อเย็นไปก็ไม่เป็นผลดี เพราะจะทำให้ ตัวน้ำมันเหนียวเกินไป ภายในท่อภายในออยล์คูลเลอร์จะมีครีบเล็กๆให้น้ำมันเครื่องไหลผ่าน และอาศัยอากาศจากภายนอกไหลมากระทบกับท่อน้ำมันซึ่งจะมีครีบบางๆเพื่อนำพา ความร้อนออกมาระบายให้เย็นตัวลง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีออยล์คูลเลอร์ อยู่สองแบบ คือ

1. แบบที่เรียกกันว่าเป็นแบบลามิเน็ต ซึ่งหมายถึงตัวออยล์คูลเลอร์น้ำมันชนิดต่างๆ ซึ่งตัวรังผึ้งนั้นจะเป็นลักษณะการนำแผ่นอลูมิเนียมที่เป็นหยักๆคล้ายรูปตัว V แล้วก็วางซ้อนกับแผ่นอลูเนียมเรียบ แล้วก็ตามด้วยแผ่นคลีบเล็กๆที่จะอยู่ภายในท่อสำหรับให้น้ำมันวิ่งผ่านแล้วก็ซ้อนกันอย่างนี้ไปเรื่องๆ ตามขนาด สูง x กว้าง ที่ต้องการ ข้อดีคือระบายความร้อนได้ดี แต่จะรับแรงดันได้ไม่ค่อยมาก และมักจะแตกง่ายตามรอยตะเข็บต่างๆ เพราะมันเป็นแผ่นๆซ้อนกันดังนั้นโอกาสรั่วซึ่งของออยล์คูลเลอร์จึงมีเยอะ และเวลาซ่อมก็พอซ่อมได้บ้างเป็นใบๆไป เพระาส่วนใหญ่แล้วออยล์คูลเลอร์ลักษณะนี้จะทำจากวัสดุอลูมิเนียมที่ค่อนข้างบาง เพื่อประหยัดต้นทุน จึงทำให้มันยากเวลาที่มีการต้องรื้อมันออกแล้วซ่อมด้วยการเชื่อมปิดรูรั่ว และประกบแท๊งค์กลับที่เดิม เหตุที่มันมักจะเกิดขึ้นคือ รอยแตกร้่ว มันจะลามไปเรื่อยๆ และยากที่จะซ่อม ยิ่งถ้าเป็นออยล์คูลเลอร์ที่ใช้กับระบบน้ำมันไฮดรดลิคแล้วด้วย เป็นปัญหาที่ร้านซ่อมออยล์ เจอเยอะที่สุด และบางที่จะแนะนำให้สั่งทำออยล์คูลเลอร์ไฮดรอลิคใบใหม่เลยจะง่ายกว่า

2. แบบที่เป็นท่อน้ำมันแบบฉีดมา แล้วนำมาประกอบเป็นใบ คล้ายกับหม้อน้ำ ซึ่งภายในก็มีการแบ่งเป็นช่องเล็กๆเหมือนกันเพื่อจะให้น้ำมันวิ่งกระทบกับขอบให้มากที่สุด เพื่อจะช่วยให้คลีบภายนอกสามารถดึงความร้อนออกไปได้มากที่สุด ขอเสียของออยล์คูลเลอร์ลักษณะนี้คือ มันจะถึงกำหนดขนาดความหนาด้วยขนาดของท่อที่ฉีดมา ซึ่งจะสั่งขนาดพิเศษต่างๆก็ต้องขึ้นพิมพ์ฉีดใหม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็เหยียบแสนบาท แต่ข้อดีก็มี คือ มันทนแรงดันได้เยอะ เพราะลักษณะท่อเป็นท่อแบบฉีดมา จึงทำให้ไม่มีรอยต่อระหว่างทางและแถมยังเสียบไว้กับจานของออยล์ จึงทำให้โอกาส แตก รั่ว เกิดขึ้นได้ยาก เวลาซ่อมง่าย แค่เปิดแท๊งค์แล้วก็เชื่อมปิดรูเป็นอันใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นออยล์คูลเลอร์สำหรับน้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเกียร์ หรือ น้ำมันไฮดรอลิค


การระบายความร้อนของออยล์คูลเลอร์

มีอยู่ 2 วิธี
1. ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ พวกนี้จะติดตั้งมาจากโรงงาน มักจะติดอยู่กับกรองน้ำมันเครื่องโดยทำเป็นอแดปเตอร์ ต่อขึ้นมาก่อนแล้วใช้น้ำจากหม้อน้ำไหลผ่านมาระบายความร้อนหรือติดตั้งอยู่ กับเสื้อสูปในเครื่องที่ออกแบบมาในจุดที่มีน้ำและน้ำมันเครื่องไหลผ่าน
พวกนี้มักทำด้วยสแตนเลสเพื่อทนต่อการกัดกร่อนของน้ำแต่ระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดี

2. ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ มี 2 แบบ ที่ทำด้วยทองแดงโดยท่อภายในและภายนอกทำด้วยทองแดงทั้งสิ้นพวกนี้ จะทนทานกว่า มีน้ำหนักมากกว่า แต่การระบายความร้อนจะระบาย ได้น้อย และแบบที่สองทำด้วยอลูมิเนียม พวกนี้มีน้ำหนักน้อยกว่า ความแข็งแรงน้อยกว่า แต่การระบายความร้อนดีกว่ามาก


การติดตั้งออยล์คูลเลอร์


ส่วน มากแล้วในเครื่องยนต์ดีเซลมักจะมีการติดตั้งมาอยู่แล้วเพราะเครื่องยนต์ ดีเซลเป็นเครื่องที่มีความร้อนสูง และในเครื่องเทอร์โบส่วนมากก็มักจะติดตั้งมาให้แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นแบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำและถ้าแบบระบายความร้อน ด้วยอากาศมักจะมีขนาดเล็กเครื่องยนต์ที่ติดตั้งแบบระบายความร้อนด้วยอากาศมา แล้ว เราสามารถหาซื้อแบบที่ดีกว่าและใหญ่กว่ามาติดตั้งแทนได้เลย
แต่ใน เครื่องที่ระบายความร้อนด้วยน้ำมักต้องถอดของเดิมออกก่อนและหาอแดปเตอร์มา ต่อในจุดที่เคยใส่กรองน้ำมันเครื่อง และต่อสาย มายังตัวใส่กรองน้ำมันเครื่องด้านนอก แล้วในตัวอแดปเตอร์จะมีสายแยกแพื่อจะเข้าไปยังออยล์คูลเลอร์อีกทีการติดตั้ง ต้องอยู่ในจุดรับลมที่จะมาระบายความร้อนได้ดี ไม่เสียงต่อการกระแทกกับพื้น ล้อรถยนต์ ทำความสะอาดง่าย หรือสามารถเพิ่มพัดลมไฟฟ้ามาระบายความร้อนได้ยิ่งดี ท่อยางควรใช้สายทนแรงดัน จำพวกสายไฮโดรลิค หรือสายสแตนเลสถัก หัวต่อต้องเป็นหัวสายแบบทนแรงดันสูง
เท่านั้น การเดินสายต้องระวังจุดหมุนหรือจุดเสียดสีทุกจุดหรือมีวัสดุมาป้องกันเพื่อ ป้องกันการฉีกแตก หรือติดตั้งเกจ์วัดแรงดันไว้คอยเตือนเมื่อเกิดการแตกรั่ว
อีกอย่างที่สำคัญคือ ถ้าติดตั้งตัวออยล์ที่เป็นการระบายด้วยลม จะต้องติดตั้งไว้หน้าหม้อน้ำ เพราะจะได้ลมที่เย็นที่สุดที่เข้ามาห้องเครื่อง ผ่านออยล์คูลเลอร์ก่อน เพราะว่าน้ำมัน ถ้ามันยังไม่ร้อนก็ถือว่ายังดี แต่พอมันร้อนแล้วมันจะเย็นยากกว่าน้ำ ดังนั้นให้มันเย็นไว้ก่อนเป็นดี เอาไว้หน้าหม้อน้ำเลยดี่ที่สุด แต่อย่าให้ปิดทั้งหน้าหม้อน้ำนะ เดี๋ยวหม้อน้ำหายใจไม่ออก อิอิ

สรุป ข้อดีของการติดออยล์คูลเลอร์


ช่วย ระบายความร้อนของน้ำมันภายในของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี มีความสำคัญน้อยกว่าหม้อน้ำ แต่ถ้าไม่มีมันหม้อน้ำก็ทำงานหนักหน่อย หรือบางทีอาจจะระบายความร้อนได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของเรา เพราะถ้าน้ำมันเครื่องเย็นมีผลทำให้อุณหภูมิโดยรวมของเครื่องยนต์เย็นลงด้วย ช่วยยืดอายุของน้ำมันเครื่องให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น และจะทำให้หม้อน้ำไม่ต้องทำงานหนักมาก ก็จะช่วยยืดอายุของตัวหม้อน้ำไปในตัวด้วย

ข้อควรระวัง
ต้อง คำนึงด้วยว่าปั้มน้ำมันเครื่องของเรามีเเรงดันเพียงพอหรือไม่เพราะจะทำให้ แรงดันน้ำมันเครื่องลดลงอาจต้องเปลี่ยนปั้มน้ำมันเครื่อง การติดตั้งต้องใช้วัสดุอย่างดีและจุดที่ปลอดภัยที่สุดถ้าเกิดการแตกรั่ว น้ำมันเครื่องจะถูกดันออกจากเครื่องอย่างรวดเร็วจนเราไม่ทันรู้ตัวเครื่องก็ พังเสียแล้ว เมื่อติดตั้งแล้วควรวัดระดับน้ำมันเครื่อง เพราะต้องเพิ่มน้ำมันเครื่องอีก 1 – 2 ลิตร


เขียนโดย
ธวัช สุธิรังกูร


หม้อน้ำทองแดงทองเหลือง กัน หม้อน้ำอลูมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน

หม้อน้ำในโลกเรานี้สำหรับ ใช้ในรถยนต์และอุตสาหกรรมต่างๆ นั้น เราจะใช้อยู่ไม่กี่รูปแบบ คือ หม้อน้ำที่ผลิตจากทองเหลืองทองแดง และ หม้อน้ำอลูมิเนียม ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าอะไรมีดีกว่ากัน อย่างไร ขอเน้นสำหรับรถยนต์ก่อนนะครับ ส่วนพี่ๆท่านใด ต้องการทราบสำหรับเครื่องจักรกลต่างๆ รออีกสักหน่อยนะครับ

หม้อน้ำ
ตัวอย่างหม้อน้ำจาก โรงงานหม้อน้ำ ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป จำกัด

ตารางเปรียบเทียบหม้อน้ำทองแดงทองเหลืองกับหม้อน้ำอลูมิเนียม


หม้อน้ำ ทองแดง ทองเหลือง หม้อน้ำ อลูมิเนียม
ความทนทาน ทนมากใช้งานได้หลายปี
เพราะมีตะกั่วเป็นตัวประสาน
ตามแนวบัดกรี
อายุการใช้งานสั้นกว่า
เพราะฝาบนล่างใช้แบบหนึบ
กับฝาบนล่างที่เป็นพลาสติก
จึงทำให้มีโอกาสรั่วซึม
และแตกได้สูง
ยกเว้นที่เป็นอลูมิเนียมทั้งใบ
แบบนั้นยังถือว่าดี ใช้ได้
รูปภาพ
การระบายความร้อน ระบายความร้อนได้ดี ระบายความร้อนได้ดีมาก
การซ่อมแซม
บำรุงรักษา
ง่ายและมีร้านซ่อมหม้อน้ำ
มากมายที่ซ่อมได้
ซ่อมไม่ได้ เปลี่ยนลูกใหม่อย่างเดียว
ราคา ถูกกว่า
ยกเว้นขนาดใหญ่ๆจะแพง
แพงกว่าในรุ่นปรกติ

จากตารางด้านบนนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเอง ซึ่งเป็นผู้ผลิตทั้งหม้อน้ำอลูมิเนียมและหม้อน้ำทองแดงทองเหลือง ก็แล้วแต่ว่าคุณๆท่านๆจะชอบแบบไหน

ใครที่ชอบเดิมๆแบบของศูนย์ก็เข้าศูนย์เปลี่ยนครับ แต่ถ้าใครเน้นประหยัดๆหน่อยก็ใช้หม้อน้ำทองเหลืองทองแดง เพราะเวลามีปัญหา หรือรั่วซึม ก็จะได้เข้าร้านหม้อน้ำที่มีอยู่ทั้วประเทศ ซ่อมให้ได้สบายมากใช้เวลาก็ไม่นาน (ถ้ามีของอยู่) จะเป็นการเปลี่ยนเฉพาะรังผึ้งหม้อน้ำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งใบ แต่อย่าลืมมองหา หม้อน้ำยี่ห้อ CPS นะครับ อันนี้แตกต่างเพราะว่า หม้อน้ำทองแดงทั้วไปจะเคลือบดีบุกหรือตะกั่วแค่ด้านนอกของท่อน้ำ แต่ของ CPS ท่อน้ำในหม้อน้ำจะเคลือบทั้งด้านในด้านนอก เหตุผล เพื่อจะช่วยกันการกัดกร่อนภายในท่อน้ำ ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น

Written by
Tawat Suthirangkoon

อยากซื้อรถ จะซื้อรถยี่ห้ออะไรดีน้า?

คำตอบที่ให้ได้ก็คงต้องบอกว่า ยี่ห้ออะไรก็ได้ เพราะแต่ละยี่ห้อนั้นก็จะมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น มิตซูบิชิ โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า นิสสัน ฟอร์ด อีซูซุ เชฟโลเล็ท เบนซ์ BMW วอลโว่ ฮุนได ออดี้ ซูซูกิ สโกด้า สมาทคาร์ ฯลฯ และอีกมากมายหลายยี่ห้อ ท่านก็เลือกเอาว่าท่านชอบรถยุโรป หรือรถเอเชีย ก่อนเลยเป็นอย่างแรก ถ้าอยากได้ถึกๆ แน่นๆ ไฮเทค โคตะระ ก็ยุโรปจัดไปได้ แต่ถ้าชอบความเร็ว เบาๆ ถูกๆหน่อย แต่วิ่งได้ แต่งได้เยอะ ก็ เอเชียไป หรือรถญี่ปุ่นนั้นเอง มาลองดูตัวอย่างจากยี่ห้อดังๆกันก่อนแล้วกันนะครับ ก็ลองๆอ่านดูนะครับ

  UPDATE ราคารถคนใช้เยอะ ลองเข้าไปดูกัน



ตัวอย่างแรก TOYOTA หรือ โตโยต้า โตโยต้า หวังว่าทุกท่านคงจะคุ้นกับตราสินค้านี้นะครับ ก็อย่างที่ทราบกันว่าเป็นยี่ห้อที่ซื้อสบายกระเป๋าไม่หนักจนเกินไป และเวลามีปัญหาที่ซ่อมก็เยอะเหมือน 7-11 อิอิ เว้อไปนิด แต่ก็ประมาณนั้น แถมเวลาคิดจะขาย ราคาก็ไม่ตกมาก เสียอยู่อย่างเดียวเพราะความที่มันราคาถูกมาก จึงทำให้ท่านนักธุรกิจบนท้องถนน นำรถโตโยต้านี้มาทำเป็นพี่แท๊กซี่ซะเยอะเลย เช่นรถโตโยต้า vios ถ้าท่านอยู่ใน กรุงเทพฯ ก็คงพอจะเห็นภาพเดียวกับที่ผมได้กล่าวไป แต่อย่างไรก็ดี สำหรับท่านๆที่อยู่ต่างจังหวัดและยังคงมองหารถที่ราคาไม่สูงมาก และใช้บรรทุกของเยอะๆ ก็ยังพอไหวครับ (แต่อย่าขับเร็วนะ น่ากลัว ^^) สำหรับรถกระบะโตโยต้าวีโก้

อ๋ออีกอย่างครับบล็อกนี้เกี่ยวกับหม้อน้ำจะไม่พูดถึงเลยคงจะไม่ได้ สำหรับหม้อน้ำโตโยต้าแล้วนั้น ก็อย่างที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะไปเข้าศูนย์ หรือซ่อมตามร้านซ่อมหม้อน้ำ ด้วยรถโตโยต้าเป็นรถตลาดจึงทำให้ราคาหม้อน้ำและอะไหล่ต่างๆไม่แพง จะว่าถูกเลยก็ว่าได้ แต่ก็แล้วแต่จะเลือกนะครับ มีตั้งแต่ถูกม๊ากๆๆ (คุณภาพต่ำ) ไปจนถึงคุณภาพขั้นเทพ จะทำด้วยทองเหลืองทองแดง หรือ อลูมิเนียมก็แล้วแต่ถนัดเลยครับ ไว้ผมจะพูดเรื่องหม้อน้ำสองชนิดนี้ให้ฟังอีกทีครับ

 ยี่ห้อต่อไป MITSUBISHI หรือ มิตซูบิชิ มิตซูบิชิ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ ถึงแม้พี่แกจะแพงไปหน่อยในสายรถญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ถ้าท่านมองหารถที่ตัวถังแข็ง ทรงตัวดี แรงพอตัว และไม่ค่อยมีคนนำไปทำเป็นพี่แท๊กสักเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างแพง เมื่อนำมาเทียบกับรถโตโยต้า ส่วนข้อเสียเด่นเลยของรถมิตซู คือ เมื่อขายราคาจะตกเยอะ เพระาคนไม่ค่อยเล่นกัน ถ้าจะเล่นจริงๆก็จะเป็นตัวเก่าๆที่นำมาลงเครื่องใหม่กันและก็แต่งให้เป็น อีโว(EVO) ซะ

ส่วนเรื่องหม้อน้ำของรถมิตซู ก็ไม่ต้องพูดถึง แพงกว่าของรถยี่ห้ออื่นๆแน่นอนถึงแม้ว่าจะขนาดเท่าๆกัน(อันนี้คือในกรณีที่เอารถเข้าศูนย์นะ แต่ถ้าซ่อมตามร้านหม้อน้ำทั่วๆไปก็ไม่ต่างกันมาก)

ต่อมา หรู ดูไฮไปอีกแบบ นั่นคือ HONDA หรือ ฮอนด้า ฮอนด้า เป็นอีกยี่ห้อที่พูดได้ว่า ซื้อง่ายขายได้ราคาดี แต่เมื่อมีปัญหา หรือเสียที่ก็เข้าศูนย์โลด เพราะข้างนอกหาอะไหล่ยากหน่อย ไม่ค่อยมีคนขายในท้องตลาด แต่อย่าพึ่งตกใจไปนะ เข้าศูนย์ฮอนด้า ไม่น่ากลัวอย่างที่เราๆท่านๆคิดอีกต่อไป เขาได้พัฒนาแล้วนิ มีการปรับราคาจนเกือบจะถูกที่สุดในบรรดารถญี่ปุ่น (ถ้าได้เทียบราคาอะไหล่แท้ของห้างด้วยกัน)

ยกตัวอย่าง รถ HONDA JAZZ กับพี่ใหญ่ ACCORD โฉมปัจจุบันกันทั้งคู่นะ ตามด้านล่างนี้เลย




JAZZ ราคา/บาทACCORD ราคา/บาท
ไฟหน้าทั้งโคม1,659(โคมใส)
1,755 (โคมสีเดียวกับตัวรถ)
* 3,788 (ฮาโลเจน)
**10,165 (HID โคมใส)
***12,466 (HID โคมดำ)
ไฟท้ายทั้งโคม1,5942,996
กันชนหน้า2,354 (เครื่องยนต์ IDSI)
2,461 (เครื่องยนต์ V TEC)
3,745
ฝากระโปรงหน้า3,4248,121

เป็นอย่างไรบ้างครับกับราคา คงจะไม่ทำให้ท่านตัวเบามากนะ เพราะมันไม่ได้แพงอย่างที่คิด

ส่วนเรื่องหม้อน้ำนั้นก็เช่นกัน ถ้าท่านเข้าศูนย์ก็หนักหน่อย แต่ถ้าหาหม้อน้ำฮอนด้าตามร้านซ่อมหรือสั่งทำหม้อน้ำจากโรงงานโดยตรงก็จะประหยัดกว่าเยอะเลยทีเดียว

ส่วนรถฝั่งยุโรปนั้นก็คล้ายกันคือ...

สมรรถนะดี เกาะถนนขั้นเทพ ชอบอากาศเย็นๆ (บ้านเราก็ต้องรอหน้าหนาวสักปี)
และตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับเขาไปเต็มๆ เลย ตรงที่
ความโก้มักเป็นต่อ ความหล่อไม่เป็นรองใคร
อายุการใช้งานก็ทนทานมาก และเน้นความปลอดภัยสูงสุด
สวยหรู ดูดี มีชาติตระกูล ขับแล้วดู อินเตอร์ขึ้นมาเลยที่เดียว

แต่อย่าพูดถึงเรื่องขายต่อ รับรองได้ว่ารับไม่ได้แน่นอน เพราะราคาจะรุดยาวเลยครับพี่น้อง

และสำหรับงานหม้อน้ำ ก็ตามยี่ห้อเลย เมื่อรถหรู หม้อน้ำก็จะแพงไปด้วย มันวิ่งตามกับไป เพราะเหตุที่ว่ารถขายน้อย ทำให้ผลิตน้อย และเมื่อผลิตน้อยก็ ทำให้ราคาวิ่งสูงไปด้วย

ไว้ว่ากันต่อในหัวข้อนี้ หวังว่าทุกท่านจะพอได้ความรู้ไปบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ที่อ่านจนจบ


เขียนโดย
ธวัช สุธิรังกูร