รถแอร์ไม่เย็น ทำไงดี และ วิธีป้องกัน

รถแอร์ไม่เย็น ทำไงดี และ วิธีป้องกัน

ช่วงนี้หน้าร้อนแล้ว และก็ร้อนมากๆด้วย ดังนั้นวันนี้อยากจะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องร้อนๆ บนรถมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน


แอร์เย็นๆ หน้าร้อน
ป้องกันปัญหา แอร์ไม่เย็น ช่วงหน้าร้อนนี้

 - เมื่อเปิดแอร์ หรือเครื่องยังเย็นอยู่ไม่ควรเปิดแอร์จนสุด เพราะควรให้คอมแอร์ได้วอร์มสักพักก่อนซัก 5 นาที ควรสตาร์ตเครื่องยนต์และให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงาน พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำทำงานก่อน จึงเปิดสวิตช์ระบบปรับอากาศ

     - ไม่ตั้งอุณหภูมิให้เย็นเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา
     - เปิดสวิตช์พัดลมก่อนแล้วจึงกดสวิตช์ระบบปรับอากาศ (A/C) เปิดไปที่ความเร็วพัดลมสูงสุดระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงลดลงไปยังความเร็วน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น


ปุ่ม A/C
ตัวอย่าางปุ่ม A/C

     - หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม หรือสเปรย์ปรับอากาศ เพราะไอระเหยของสารเคมีจะถูกดูดเข้าไปสะสมตัวที่ครีบเล็กๆ ของคอยล์เย็น สารเหล่านี้มีคุณสมบัติดูดความชื้น ทำให้ฝุ่นผงจับตัวที่ครีบระบายความเย็น ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนจะลดลง คอมเพรสเซอร์จะทำงานมากขึ้น ให้ศูนย์บริการทำความสะอาดคอยล์เย็นเป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกว่าประสิทธิภาพในการทำความเย็นของระบบปรับอากาศลดลง
     - ไม่ควรนำน้ำหอมชนิดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบไปเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์ผุกร่อนเร็วขึ้น
     - ก่อนถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 15 นาที ปิดสวิตช์ระบบปรับอากาศ (A/C) เปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุด เพื่อลดการทำงานคอมเพรสเซอร์และไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น
     - เมื่อนำรถจอดตากแดดเป็นเวลานานๆ ก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด (ปิดสวิตช์ A/C) เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์ออกเสียก่อน แล้วจึงค่อยเปิดน้ำยาแอร์ (เปิดสวิตช์ A/C)
     - ก่อนจอดรถทิ้งไว้นานๆ เช่น จอดข้ามคืน ควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด (ปิดสวิตช์ A/C) ประมาณ 5 นาที เพื่อไล่ความชื้น ไล่น้ำ ที่ค้างอยู่ในตู้แอร์ออกก่อน เพราะตู้แอร์ทำจากอะลูมิเนียมจะเกิดการผุกร่อนได้ง่าย และจะทำให้ตู้แอร์ลดการเหม็นอับอีกด้วย
     - จงจำไว้ว่า ระบบแอร์เป็นระบบปิด ดังนั้น เมื่อรถต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ แสดงว่าเกิดการรั่วของระบบแอร์แล้ว
     - ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อย เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น
     - เมื่อแอร์ไม่เย็น (กรณีเปิดน้ำยาแอร์แล้ว เปิดสวิตช์ A/C แล้ว) แต่ยังไม่เย็น ให้รีบปิดน้ำยาแอร์หรือสวิตช์ A/C ทันที เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าเกิดการรั่วในระบบ น้ำยาแอร์และน้ำมันคอมเพรสเซอร์จะมีน้อยมากในระบบ จะทำให้คอมเพรสเซอร์พังมากขึ้นกว่าเดิม และควรนำรถไปเช็กให้เร็วที่สุด แต่กรณีนี้ใช้ลมเปล่าก่อนก็ได้
     - ควรล้างตู้แอร์ทุกๆ 2 ปี หรือถ้าใครเปิดกระจกขับรถบ่อย ให้ล้างทุกปี หรือตามเห็นสมควร
     - เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องเปิดกระจกขับรถ ควรปิดช่องแอร์บริเวณคอนโซลหรือจุดที่แอร์ออกให้หมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์น้อยที่สุด

     ขอบคุณบทความดีๆ จาก: นสพ.มติชน


พวงมาลัยสั่น เป็นอะไรได้บ้าง / steering wheel shaking problem, why?

พวงมาลัยสั่น เป็นอะไรได้บ้าง / steering wheel shaking problem, why?


อาการพวงมาลัยสั่นนั้น เกิดขึ้นได้ตั้งแต่รถที่พึ่งถอยออกมา จนถึง รถที่เก่าแก่

เรามาดูกันว่ามันจะเกิดจากอะไรได้บ้าง

บทความจาก คอลัมน์ คาร์ทิปส์

อาการพวงมาลัยรถยนต์สั่นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยานยนต์ "มติชน" รวบรวมสาเหตุมาได้ดังนี้

อาการพวงมาลัยรถยนต์สั่นเ
อาการพวงมาลัยรถยนต์สั่น

1.การบวมของยางจากยางหมดอายุ โดยปรกติแล้วยางรถยนต์จะมีอายุประมาณ 2 ปี หรือ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน อาการยางบวม ต้องอาศัยการสังเกตเอา



ยางรถยนต์

2.การเบรกรุนเเรง

3.หน้ายางไถลไปกับพื้น การที่หน้ายางไถลไปกับพื้นเป็นระยะเวลาหนึ่งๆ จะทำให้หน้ายางที่ตำแหน่งนั้นๆ บางลม เพียงจุดเดียว จึงทำให้เวลาขับไปจึงสะดุดเป็นรอบๆ ซึ่งก็จะรู้สึกสั่นๆผ่านทางพวงมาลัยได้

4.การตกหลุมแรงๆ การตกหลุมแรงๆ อาจทำให้เกิดความเสียหายกับทั้งตัวยาง และตัวกระทะล้อ หรือ ล้อแม็กค์ได้ ดังนั้นควรระวังเวลามีหลุมลึก การขับให้ช้าลงจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้

5.ขับไปทับของแข็งจนทำให้โครงสร้างภายในยางเกิดการเสียหายเปลี่ยนรูป

6.ยางไม่ค่อยได้ใช้ เช่น ยางเปอร์เซ็นต์เก่า หรือรถจอดทิ้งไว้นาน

7.ล้อแม็กซ์ ถ้าตัวกระทะล้อเบี้ยวผิดรูปทำให้หน้ายางบิดเบี้ยว มาจากรถตกหลุมแรงๆ หรือรถชนฟุตปาธ หรือนำกระทะล้อไปเจาะรูเอง หรือตัวตะกั่วถ่วงล้อหลุด

8.ปลอกดุม เป็นตัวช่วยล้อแม็กซ์และดุมประคองกัน เพื่อให้ตำแหน่งล้อได้เซ็นเตอร์เวลาใส่ล้อ ดังนั้นเวลาซื้อแม็กซ์ใหม่ นอกจากขนาดและออฟเซตแล้ว ต้องคำนึงถึงไดมิเตอร์ตรงกลางระหว่างดุมกับล้อด้วยว่า มีช่องว่างห่างกันหรือไม่

9.จานดิสก์เบรก ตัวจานดิสก์เบรกเป็นแผ่นโลหะทนความร้อนและการเย็นตัวได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งตัวจานดิสก์เบรกอุณหภูมิสูงถึงหลายร้อยองศาเซลเซียสจนแดงเหมือน เหล็กตีดาบเผาไฟ ดังนั้นเมื่อเย็นตัวลงแบบเฉียบพลันก็อาจคดเปลี่ยนรูปได้เช่นกัน

10.ลูกปืนล้อ
เป็น ตัวรองรับน้ำหนักและจุดหมุนของล้อ ถ้าลูกปืนหลวมหรือแตก จะทำให้ล้อแกว่งเสียการทรงตัวและเสียงดัง พวงมาลัยสั่นได้ เกิดจากจาระบีลูกปืนเสื่อมสภาพ หรือซีลของตัวลูกปืนล้อเสียแล้วมีฝุ่นและน้ำเข้าไปได้

11.ดุมล้อ
แกน-ดุม ล้อถือเป็นแกนหลักของการหมุนของล้อ ถ้าดุมล้อเกิดอาการคด ผิดมุมล้อไป ก็ทำให้ล้อแกว่งเช่นกัน พวงมาลัยก็จะสั่นด้วย เกิดจากขับรถตกหลุมแรงๆ และการรถผิดพลาด ทำให้พวงมาลัยสั่นได้เหมือนกัน

ที่มา : มติชนรายวัน 19 กันยายน พ.ศ. 2558: พวงมาลัยสั่น เป็นอะไรได้บ้าง / steering wheel shaking problem, why?