วิธีแก้ไขฉุกเฉิน เวลาเกิดหม้อน้ำรั่วกลางทาง

การแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้น กรณีเกิดหม้อน้ำรั่วกลางทาง หรือรู้สึกเหมือนกับว่าหม้อน้ำรั่ว หรือเห็นความร้อนขึ้นผิดปรกติขณะขับรถ

 
          ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์เกิดการรั่วที่หม้อน้ำในเบื้องต้น โดยการตรวจเช็คอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะปริมาณน้ำในถังพักน้ำหน้ารถ รวมทั้งสายพาน พัดลมแอร์ พัดลมหม้อน้ำ ท่อยางที่ต่อกับส่วนต่างๆ ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ และ ปั๊มน้ำ หากพบคราบน้ำเขียวๆที่รังผึ้ง หรือรอยรั่วตามจุดต่างๆ ให้จัดการแก้ไขทันที พร้อมตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและถังพักน้ำเป็นประจำ

          สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ควรหมั่นเช็คบ่อยขึ้น ในขณะขับขี่ให้คอยดูหน้าปัดเข็มวัดอุณหภูมิ หากเครื่องยนต์ร้อนจัด เข็ดจะตีขึ้นไปสูงกว่าปรกติ ให้รีบหาที่จอดริมทาง อย่าฝืนขับไป เพราะอาจทำให้เครื่องน็อคได้ แล้วคราวนี้เรื่องจะยาว พอจอดรถเสร็จให้เปิดกระโปรงหน้า และรอเครื่องยนต์เย็นลงสักพัก ห้ามเปิดหม้อน้ำดูโดยเด็ดขาด เพราะเวลาเครื่องร้อนจัดแรงดันน้ำจะเยอะและร้อนอีกด้วย ถ้าเปิดน้ำจะพุ่งขึ้นมาทันที และอาจจะได้อันตรายโดนน้ำร้อนลวกได้ ดังน้ำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอดทนรอให้เครื่องเย็นลงสักพัก จึงดูว่าน้ำในหม้อน้ำหายหรือไม่ ถ้าหายค่อยเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้รถสามารถวิ่งไปอย่างช้าๆได้ก่อน จากนั้นให้นำรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถหรือร้านซ่อมหม้อน้ำในบริเวณใกล้เคียง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซม

          นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า อุบัติเหตุฉุกเฉินอีกรูปแบบหนึ่งที่มักเกิดกับรถยนต์ คือ หม้อน้ำแห้งจนทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ส่งผลให้เครื่องยนต์น็อคและควบคุมรถลำบาก อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย ขอแนะวิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีหม้อน้ำรั่วและหม้อน้ำแห้ง ดังนี้

          1.  ก่อน ขับขี่ หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น สายพานไม่หย่อนหรือตึงเกินไป พัดลมระบายความร้อนไม่บิดงอหรือแตกหัก และยังทำงานได้อยู่(หมายความว่าระบบไฟไม่มีปัญหาเวลาเครื่องร้อนแล้วพัดลมยังทำงานอยู่) หากพบรอยรั่วตามจุดต่างๆ เช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ ปั้มน้ำ ให้รีบแก้ไขโดยด่วนอย่าปล่อยไว้ พร้อมกับเตรียมน้ำเปล่าใส่ขวดไว้ในรถ เป็นขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรทั่งไปก็ได้ สักขวดสองขวด ไว้ในรถ หากเกิดเหตุการณ์หม้อน้ำรั่วจนทำให้หม้อน้ำแห้งจะได้มีน้ำไว้เติมใส่หม้อน้ำได้

          2.  หมั่นคอยตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ โดยการเปิดดูที่ถังพักน้ำก็ได้สำหรับรถที่ไม่มปากเติมน้ำ หรือต่อให้มีก็เช็คที่ถังพักน้ำก่อนได้ให้มีน้ำอยู่ในระดับที่มีการกำหนดไว้ รถใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4 - 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปกรกตกค้างจนหม้อน้ำเกิดการอุดตัน และไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ไม่เติมน้ำเกินขีดที่กำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัว ทำให้หม้อน้ำแตกได้ และในกรณีที่เป็นหม้อน้ำทองแดงอย่าลืมเติมน้ำยาเคลือบกันสนิมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของหม้อน้ำออกไปอีก

          3.  ขณะขับขี่ หมั่นสังเกตุที่หน้าปัด ว่าความร้อนอยู่ในระดับปรกติที่เป็นหรือไม่ ซึ่งอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด เข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดจะแสดงให้เห็นชัดเจน มันจะขยับขึ้นสูงมาก หากเข็มวัดเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังร้อนจัด ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัยทันที แล้วเปิดฝากระโปรงหน้าไว้ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องได้เร็วขึ้น ก่อนดำเนินการแก้ไข

          4.  วิธีแก้ไขกรณีหม้อน้ำรั่วจนทำให้หม้อน้ำแห้งในเบื้องต้น เมื่อจอดเสร็จแล้ว ให้รีบเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องให้เร็วขึ้นจะได้ไม่ต้องรอนาน จากนั้นให้รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำ โดยใช้ผ้าช่วยจับเพราะอาจจะยังร้อนอยู่บ้าง หรือสวมถุงมือถ้ามีอยู่ อย่าเอาหน้าเราเข้าไปใกล้หม้อน้ำ เพราะแรงดันน้ำในหม้อน้ำ ที่น้ำยังอาจจะร้อนอยู่นั้น อาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้าเราจนได้รับบาดเจ็บได้ ให้เติมน้ำทีละน้อยๆอย่างช้าๆ โดยทิ้งช่วงเวลาห่างกัน 5 นาที ในเวลาเดียวกันคอยสังเกตุดูระดับน้ำในหม้อน้ำ หากน้ำที่เติมลงไปแล้วไม่เต็กสักทีแถมมองไปใต้รถมีน้ำไหลไหลรั่วออกมาหมด สันนิฐานได้ก่อนเลยว่า หม้อน้ำแตก ให้แจ้งอู่ซ่อมรถได้เลย เพราะเราคงจะทำอะไรเองไม่ได้แล้ว ให้อู่มาลากรถไปแก้ไขต่อไป แต่ถ้าน้ำรั่วซึมเพียงเล็กน้อย ก็ยังสามารถขับรถต่อไปได้แต่อย่าขับเร็ว ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดรถ และเมื่อความร้อนขึ้นสูงให้หยุดรถเป็นระยะๆ แล้วทำแบบเดิมๆ จนกว่าถึงจุดหมายปลายทางและนำรถไปซ่อมหม้อน้ำ หรือแก้ไขต่อไป

 
ที่มาบางส่วน : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

หม้อน้ำทองแดง กับ หม้อน้ำอลูมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน?

ความจริงที่หลายๆท่านยังเข้าใจผิดอยู่ หรือยังไม่รู้ คือ หม้อน้ำอลูมิเนียมระบายความร้อนได้ดีกว่าหม้อน้ำทองแดง ตามความเป็นจริงแล้วนั้น

ผลทางวิทยาศาสตร์ ทองแดงสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าอลูมิเนียม



หม้อน้ำทองแดง ทองเหลือง
หม้อน้ำทองแดง ทองเหลือง และรังผึ้งหม้อน้ำทองแดง


และสาเหตุหลักๆที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ หลังๆนี้หันมาใช้หม้อน้ำอลูมิเนียม ก็เพราะว่าหม้อน้ำอลูมิเนียมต้นทุนต่ำกว่าแต่ขายได้ราคากว่า ดังนั้นได้ทั้งลดต้นทุนด้วย กำไรเยอะขึ้นด้วย

แถมอีกอย่างที่สำคัญคือ หม้อน้ำอลูมิเนียม เปราะบางกว่าหม้อน้ำทองแดงเยอะ และอีกอย่างทองแดงมีความคงทนสูงต่อการกัดกร่อนและมีความแข็งแรงกว่า ซึ่งใช้ไปไม่นานก็ต้องเปลี่ยน ทำให้สามารถขายอะไหล่ได้อีก จึงทำให้บริษัทรถยนต์ไม่นิยมใช้เพราะจะขายอะไหล่หม้อน้ำได้ไม่ค่อยดี เพราะหม้อน้ำเป็นเหมือนหัวใจของรถที่ขาดไม่ได้เลย ลองดูกันให้ดีๆ รถรุ่นที่ออกใหม่ๆ หม้อน้ำส่วนหัวกับก้นจะเป็นพลาสติกสีดำ กับรังผึ้งอลูมิเนียมเสียส่วนใหญ่ หรือแถบจะ 100% แล้วก็ว่าได้

แล้วถ้าเกิดหม้อน้ำอลูมิเนียมแบบรุ่นใหม่ๆรั่ว จะซ่อมไม่ได้ต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว ถ้าออกจากห้างราคาคงไม่ต่ำกว่า 6 พันแน่นอน แต่ข้อดีของอลูมิเนียมคือเบา ทำให้รถเบาขึ้น ดูดี มีระดับ

แต่ถ้าอยากได้แบบทนๆ ทนการกัดกร่อนได้ดี และซ่อมได้เวลามีปัญหา เพิ่มช่องได้เวลาถ้าไปลงเครื่องใหม่แล้วเกิดเครื่องร้อน ก็เพิ่มให้เป็น 2 ช่อง 3 ช่องได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้านหน้าว่าเหลือด้วยรึเปล่าด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าอยากได้หม้อน้ำอลูมิเนียมด้วย แล้วก็อยากให้มันซ่อมได้ด้วยเวลามีปัญหา ก็ต้องไปหาที่มันเป็นอลูมิเนียมทั้งใบ ทั้งตัวรังผึ้งหม้อน้ำ แล้วก็ ตัวหัวกับก้นหม้อน้ำ เป็นอลูมิเนียมด้วย ก็ยังพอมีโอกาสซ่อมได้บ้าง เป็นกรณีๆไป



หม้อน้ำอลูมิเนียมทั้งใบ
หม้อน้ำ อลูมิเนียม แต่อันนี้เป็นแบบอลูมิเนียมทั้งใบ
โดย ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ





ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ Gear Oil cooler จำเป็นมั้ย?

ออยล์คูลเลอร์ เป็นเหมือนเพื่อนยากของหม้อน้ำก็ว่าได้ ถ้ายิ่งเราสามารถลดความร้อนให้กับห้องเครื่องได้ดี การขับขี่ก็ราบรื่นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการติดตั้งออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ จะช่วยลดความร้อนของน้ำมันเกียร์ และทำให้อายุการใช้งานของชุดเกียร์อยู่กับเราไปได้นานยิ่งขึ้น

หน้าตาของออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ที่มีผลิตอยู่ จะเป็นประมาณด้านล่างนี้ ซึ่งนำไปติดกับรถรุ่นไหนก็ได้ ยี่ห้ออะไรก็ไม่มีปัญหา

ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์
CPS GEAR OIL COOLER - ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์

เขียนโดย ธวัช สุธิรังกูร

หม้อน้ำ CBR หาสั่งทำได้ที่ไหน

หม้อน้ำรถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า CBR นั้นปรกติจะเป็นงานที่หลายๆท่านมีปัญหาเวลาต้องการใบใหม่มาแทนที่ หรือ ต้องการหาซื้อที่เป็นใบใหม่จริงๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเจอแบบย้อมแมวมา และอีกอย่างจะเป็นหม้อน้ำลักษณะเป็นการเชื่อมในเตาอบมา ดูแล้วไม่ค่อยแมนเหมือนกับหม้อน้ำที่มีรอยเชื่อมอากอน ซึ่งทำให้ตัวหน้ารถดูเป็นเหมือนรถแข่งมากขึ้น อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่าน บางท่านก็ต้องการแบบที่เหมือนติดรถมาหรือต้องการแบบ ราคาถูก หรือ บางท่านก็เน้นงานคุณภาพ

ส่วนพี่ๆที่ผมรู้จักรแล้วนำหม้อน้ำ CBR มาให้ทางบริษัท ชลประสิทธิ์ ผลิตให้ เป็นงานสั่งทำ ก็ส่วนใหญ่จะนำตัวหม้อน้ำเก่ามา ซึ่งบางใบก็ชนมา โดนใบพัดมาบ้าง หม้อน้ำรั่วใต้จานบ้าง แท๊งค์บวม แท๊งค์ผุ และอีกหลายอาการ ทางบริษัทจะดูสภาพงาน ถ้าเป็นใบใหม่ ก็สามารถแค่เปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำใบใหม่ แล้วก็เชื่อมแท๊งค์เดิม โดยการเชื่อมอากอน กลับเข้าไปที่เดิม ก็เป็นอันจบเหมือนได้หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ CBR ใบใหม่เลย หรือในกรณีที่หม้อน้ำเก่ามากแล้ว ก็จะแนะนำให้ทำใหม่ทั้งใบจะง่ายกว่า แล้วงานออกมาก็งามเหมือนกัน

ก็ท่านใดสนใจ หรือติดปัญหา หาที่ทำไม่ได้ หรือ หาซื้อไม่ได้ ก็ขอเชิญมานั่งคุยที่ร้านกันก่อนได้

หรือโทรสอบถามได้ที่ 038 272 646


วิธีดูรถมือสองหลังน้ำท่วม


รถมือสองหลังน้ำท่วม

ก่อนที่จะเข้าเรื่องการดูรถมือสองหลังน้ำท่วมก็ขอท้าวความจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วกันก่อน

ในช่วงที่ผ่านมานั้นทั่วโลกรวมถึงเมืองไทย เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ อย่างหนึ่งที่โดนกันแทบทุกปี ไม่เลือกว่าเป็นต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ ก็คือน้ำท่วม อย่างเด็กๆ ก็คือระบายน้ำไม่ทัน ท่วมขังกันอยู่เป็นหย่อมๆกันอยู่สักพัก ยิ่งในกรุงเทพฯพอน้ำท่วมก็จะตามมาด้วยการจราจรที่เป็นอัมพาตแล้วน้ำที่ท่วมอยู่มันก็จะหายท่วมไป หนักขึ้นมาหน่อยมักเกิดในต่างจังหวัด ยิ่งในภาคที่มีป่าไม้ หรือภูเขาสูงเยอะๆ คือ น้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เสียหายกันทั้งชีวิต ไร่นา สัตว์เลี้ยง และทรัพย์สินมากมาย

ปี2554 เมืองไทยก็มีข่าวน้ำท่วมให้ เห็นกันค่อนข้างหนาตา ในภาพข่าวบางทีก็จะเห็นรถลอยไปตามน้ำบ้าง หรือบางคันก็จมน้ำท่วมซะเกือบมิด โผล่มาแค่หลังคา เลยทำให้เกิดเป็นคำถามว่า...หลังจากน้ำลดระดับลงแล้ว รถหลังน้ำท่วมเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถมือสองที่กำลังจะซื้อนั้นไม่ได้เป็นหนึ่งในรถที่โดนน้ำท่วมมา?

คำตอบ ส่วนหนึ่งเจ้าของรถน้ำท่วมพวกนั้นซ่อมแซมบูรณะมันไว้ใช้งานต่อ แต่ก็มีรถที่ถูกน้ำท่วมจำนวนไม่น้อยที่ แปรสภาพไปเป็น ‘รถมือสอง’ และ ‘กระจายไปตามเต็นท์รถต่างๆทั่วประเทศ’ โดยเฉพาะในจังหวัดใกล้เคียงพื้นที่ๆถูกน้ำท่วมขัง ทำให้ผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสองมีโอกาสเจอรถมือสองที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งอาจมีปัญหาจุกจิกกวนใจตามมาแบบไม่รู้จบอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่รู้จะไปโวยวายกับใครด้วย

คงเป็นเรื่องลำบากที่จะระบุชี้ชัดถึงความเสียหายของรถที่ถูกน้ำท่วม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน้ำนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับระบบหลักๆของรถ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้รถคันนั้นๆมีปัญหาโน่นนี่ไปตลอดอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ เช่น ระบบอิเล็กทรอนิกส์ลัดวงจร, ระบบหล่อลื่นมีการปนเปื้อน และระบบกลไกต่างๆขัดข้อง ซึ่งสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่สามารถสังเกตจากภายนอกได้ บางอาการที่ทุกท่านน่าจะพอทราบคือ สนิม ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่ามันจะเริ่มแสดงกายออกมาให้เราเจ็บใจ

เมื่อพูดถึงรถที่หลังจาก แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ หนึ่งในปัญหาหลักที่มักเกิดขึ้นคือ ‘เชื้อรา’ โดยเฉพาะที่ๆมันชอบ เช่น เบาะและพื้นพรม จะเริ่มเผยโฉมหน้าเมื่อเริ่มจะแห้งหมาดๆ สิ่งที่มาพร้อมเชื้อรา คือ กลิ่นเหม็นอับ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้ออกไปให้หมดอย่างหมดจด

ที่สำคัญ น้ำท่วมนับเป็นภัยธรรมชาติที่ ‘กรมธรรม์ประกันรถ ยกเว้นไว้ ไม่คุ้มครอง’ เจ้าของต้องรับภาระค่าซ่อมแซมเอง พอซ่อมเสร็จแล้วก็ไม่ค่อยได้ดี จึงตัดสินใจขายเป็นรถมือสองกันซะส่วนใหญ่

ผู้ที่กำลังหาซื้อรถมือสอง เมื่อรู้เรื่องราวต่างๆ อย่างนี้แล้ว ก็ต้องหา วิธีดูรถมือสองที่ถูกน้ำท่วมเพื่อแก้ทางกัน ซึ่งมีวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

• เปิดดูใต้พรมว่ามีรอยเปียกชื้นหรือขี้โคลนหรือไม่ ดูดีๆไม่ต้องรีบ
• ตรวจสอบหัวนอตยึดเบาะว่ามีร่องรอยถูกถอดหรือไม่ เพราะถ้าจะทำความสะอาดหรือทำให้พรมแห้ง ต้องถอดเบาะออก สังเกตดูถ้ามันดูใหม่ผิดปรกติ ก็สันนิฐานกันไว้ก่อนได้เลยว่ากำลังเจอของดี รึเปล่า?
• ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างทั้งคน รวมทั้งหลอดไฟและโคมไฟทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งถ้าเป็นรถหลังน้ำท่วมอาจมีคราบน้ำอยู่ภายในบริเวณเลนส์หรือจานฉาย
• ให้ความสนใจเป็นพิเศษในจุดที่ ‘ยากต่อการทำความสะอาด’ เช่น ผนังห้องเครื่อง อาจมีคราบน้ำโคลนหรือเศษทรายติดอยู่
• สำรวจหาโคลนหรือฝุ่นทรายในที่เท้าแขน หรือตามซอกแผงหน้าปัด หรือในซอกเล็กซอกน้อยที่ทำความสะอาดได้ยากในจุดอับที่น้ำระเหยได้ช้า อาจเห็นคราบน้ำติดอยู่
• สังเกตหัวนอตยึดต่างๆ ว่าไม่ได้ผ่านการทำสีใหม่ ไม่มีรอยถลอกหรือรอยเยินจากการถอด-ใส่ ที่สำคัญต้องไม่มีคราบสนิมเกาะ
• ตรวจสอบจุกพลาสติกสำหรับระบายน้ำ บริเวณด้านล่างของบานประตู ถ้าพบว่ามีร่องรอยการถอด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า...รถคันนี้อาจถูกน้ำท่วมมาแล้ว และถ้าไม่เกรงใจพนักงานขาย ก็ให้ถอดแผงประตูออก ถ้าเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมมาจริงๆ ก็จะเห็นร่องรอยได้ชัดขึ้น อันนี้ต้องอาศัยความกล้าของเรานิดนึง เพื่อความไม่ประมาท

ถ้า ไม่รีบ ร้อนใช้รถจริงๆ ควรรอให้พ้นช่วงน้ำท่วมไปสักระยะ ให้รถน้ำท่วมหมดไปจากตลาดรถมือสองเสียก่อน ระหว่างรอก็ทบทวนบทความนี้ไปพลางๆ เมื่อถึงเวลาก็ไปเดินเลือกซื้อรถมือสองได้อย่างมั่นใจ ซื้อรถมาแล้วก็อย่าลืมภาวนา ‘ขอให้น้ำอย่าท่วมอีกเลย’

บทความดีๆจาก Thaidriver Online Magazine   www.thaidriver.com