สมรรถนะของคน สมรรถนะรถ


 ปัจจุบันนี้ถนนหลวงในประเทศไทยมีสภาพที่ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้สูงมากขึ้นกว่ายุคก่อน ในขณะที่รถยนต์ก็มีความแตกต่างกันมากขึ้น
สมรรถนะของคน สมรรถนะรถ
สมรรถนะของคน สมรรถนะรถ


ทั้งขนาดของเครื่องยนต์, รูปร่างทางกายภาพ, และเจตนารมณ์ของการผลิตออกมาเพื่อใช้งานในสภาพและสภาวะที่ต่างกัน แต่รถทั้งหมดกลับถูกนำออกมาใช้งานบนพื้นถนนเดียวกันในเวลาเดียวกัน
ดัง นั้นหากผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถพยายามที่จะขับเคลื่อนรถของตนเองไปพร้อมกันกับ รถอื่น โดยที่ไม่เข้าใจถึงความแตกต่างในสมรรถนะของรถแต่ละคัน โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ย่อมจะมีมากตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนที่เคยขับรถแต่ในเมืองกรุงหรือขับทางใกล้ๆ เมื่อมีแผนการเดินทางท่องเที่ยวไกลๆ ไปบนภูเขาสูง บวกกับรถของตนเองเป็นรถขนาดเล็กแถมเป็นเกียร์อัตโนมัติอีกต่างหาก คนกลุ่มนี้จะยิ่งมีความกังวลมาก และมักจะมีคำถามว่าการขับรถขึ้นเขาลงเขาควรใช้เกียร์อะไร
คำถามดัง กล่าวนั้นแสดงให้เห็นว่ามีผู้ขับรถจำนวนมากที่ไม่สามารถประเมินขีดความ สามารถในรถของตนเองได้ ทำให้หลายครั้งที่ผมต้องแนะนำไปว่าหากต้องการความปลอดภัย ก็ควรใช้บริการรถยนต์รับจ้างประจำท้องถิ่นจะดีกว่า และปลอดภัยมากกว่าที่จะขับขึ้นดอยด้วยตนเอง แม้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างรถรับจ้างบ้าง แต่ก็ไม่ต้องไปจ่ายค่าสึกหรอรถของตนเอง ซึ่งย่อมมีมากกว่าการขับบนเส้นทางพื้นราบ เช่น ผ้าเบรกจะสึกมากกว่าปรกติหรืออาจจะร้อนจนกรอบไหม้ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด จานเบรกอาจจะร้อนจนมีอาการคดงอ ถึงขั้นต้องถอดออกมาเจียรผิวหน้าของจาน หรืออาจจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนจานเบรกใหม่ เป็นต้น
การขับรถบนทางสูงชันที่ คดเคี้ยวผู้ขับต้องมีประสบการณ์และต้องรู้จักสมรรถนะของรถเป็นอย่างดี สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการขับลักษณะดังกล่าว ผมแนะนำว่าควรหาช่วงวันเวลาที่รถยนต์บนถนนไม่มากนัก ไปทดลองขับเพื่อหาประสบการณ์อย่างน้อยสัก 3 หรือ 4 ครั้ง จะทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นเมื่อต้องไปขับในช่วงเทศกาลที่มีรถมากและการ จราจรจอแจ
เส้นทางที่อยากแนะนำให้ไปทดลองขับหาประสบการณ์ สำหรับการขับรถบนเขาสูงชันก็คือ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่จากฝั่งจังหวัดปราจีนบุรี มาลงทางฝั่งถนนธนะรัชต์ จ.นครราชสีมา เพราะเส้นทางนี้อยู่ใกล้กรุงเทพและมีสภาพทางครบถ้วน ทั้งความสูงชันและความคดโค้งของถนน รวมทั้งคนที่อยู่ภาคอื่นๆ ก็ควรหาประสบการณ์ในวันเวลาที่รถบนท้องถนนไม่มากนักเสียก่อน จะดีกว่าไปเสี่ยงเอาในช่วงเทศกาลที่รถคับคั่งจอแจ
สิ่งที่ควรจำเอาไว้ ให้ดีก็คือการขับรถขึ้นเขาสูงชันนั้น แม้จะยากแต่มีอันตรายน้อย เพราะหากว่าขับไม่ถูกจังหวะหรือรถยนต์ที่ใช้มีกำลังน้อย อย่างร้ายที่สุดก็เพียงแค่ขึ้นเขาสูงชันไม่ไหวหรือเครื่องยนต์ร้อนจัดแบบที่ เรียกว่าโอเวอร์ฮีทเท่านั้น การขับขึ้นเขาสูงชันที่ถูกต้องคือใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับองศาความลาดชันของ ทาง
หากไม่แน่ใจให้ใช้เกียร์ต่ำๆ และขับขึ้นเขาช้า ชนิดไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งเครื่องมาก อีกทั้งต้องคอยสังเกตเกจ์วัดความร้อนอยู่ตลอดเวลา หากพบว่าความร้อนสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของหน้าปัดให้จอดรถแวะข้างทางในที่ ปลอดภัย ปล่อยเครื่องยนต์ให้อยู่ในรอบเดินเบาจนระดับความร้อนลดลง จึงออกเดินทางต่อไปอย่างช้าๆ เช่นเดิม
และในขณะที่เราขับรถด้วยความ เร็วต่ำๆ อยู่นั้น หากมีรถคันอื่นตามมาข้างหลังด้วยความเร็วสูงกว่า ก็ควรเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและหลีกไปวิ่งในช่องทางด้านซ้าย หรือหากไหล่ทางมีความกว้างเพียงพอ ก็หลีกลงไหล่ทางไปเลยจะดีที่สุดต่อตัวเราเองและผู้อื่น เพื่อให้รถคันนั้นแซงผ่านหน้าขึ้นไป อย่าไปขวางการเคลื่อนที่ของรถอื่นที่ใช้ความเร็วสูงกว่าเป็นอันขาด
ส่วน หลักการขับรถลงภูเขาหรือทางลาดชันนั้นมีอันตรายมากกว่า เพราะหากพลาดพลั้งจนทำให้เบรกเสื่อมประสิทธิภาพที่เรียกกันว่าเบรกแตก, เบรกเฝด จนไม่สามารถชะลอความเร็วของรถได้ รถอาจจะไหลตกเขาหรือพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งได้ ดังนั้นจึงต้องขับรถด้วยความระมัดระวังสูง ต้องใช้เกียร์ต่ำให้สัมพันธ์กับความลาดชันของทางอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการใช้เบรกต่อเนื่องเพราะจะทำให้เบรกร้อน และเสื่อมประสิทธิภาพลงไปจนไม่สามารถหยุดรถได้
การใช้เกียร์ต่ำใน เกียร์แบบอัตโนมัตินั้นเป็นเรื่องยากสำหรับคนไม่คุ้นเคย เพราะแม้จะใช้เกียร์ต่ำแล้วแต่หากทางลาดชันมีองศาลาดชันและมีความยาวมาก เครื่องยนต์จะรัวและมีรอบการทำงานที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดได้ง่ายๆ หรือไม่อย่างนั้นระบบก็จะทำการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติให้ไปอยู่ในจังหวะ เกียร์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้รถมีความเร็วเพิ่มขึ้นจนหยุดรถไม่ได้ จึงต้องใช้เกียร์ต่ำสลับกับการเบรกแบบเหยียบเบรกสั้นๆ เมื่อชะลอความเร็วลงแล้วก็ปล่อย เพื่อให้เบรกพักถ่ายเทความร้อนออกไปบ้าง ทำสลับกันไปมาเช่นนี้ตลอดระยะทาง
จะเห็นได้ว่าการขับรถลงเขาสูงชัน เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายกันทางตัวหนังสือหรือคำพูด และมีอันตรายมากกว่าการขับรถขึ้นภูเขามากนัก อีกทั้งยังทำให้เกิดความสึกหรอหรือมีความเสียหายได้ง่าย และมากกว่าการขับรถขึ้นเขาอีกด้วย
ก่อนที่จะตัดสินใจใช้รถยนต์ส่วนตัว เดินทางไปพักผ่อนบนเส้นทางภูเขา จึงควรประเมินสมรรถนะของรถและความชำนาญของผู้ขับเอาไว้ให้ดี หากไม่มั่นใจแม้เพียงแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็เปลี่ยนไปใช้รถรับจ้างประจำท้องถิ่น อย่างที่ผมได้แนะนำเอาไว้จะปลอดภัยกว่าครับ


บทความดีๆ นำมาฝากจาก ไว้เจออะไรดีๆ จะมาแบ่งปันให้พี่น้องได้ฟังกันอีกนะครับ วันนี้แค่นี้ก่อน
http://www.bangkokbiznews.com
โดย : คุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

Honda Accord Plug-In Hybrid ตัวไฮบริดขึ้นชื่อประหยัดสุดในหมู่ซีดานที่อเมริกา

ตั้งแต่เปิดตัวออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์  Honda Accord  ใหม่ เป็นรถยนต์อีกรุ่นที่ได้รับการจับตามากพอสมควรในฐานะอีกหนึ่งซีดานกลางที่ ได้รับความนิยมทั่วโลก และในรุ่นใหม่ก็มาพร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดและฮอนด้าการันตีเรื่อง ความประหยัดหลังผ่านการทดสอบอัตราประหยัดอย่างเป็นทางการ
                การขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ประหยัด ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ล่าสุดรถ Honda Accord Plug-In Hybrid ก็สามารถพิชิตตำแหน่งนี้ไปไดด้วยอัตราประหยัด  115   MPGe สูงที่สุดที่ สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมหรือ  Environmental Protection Agency (EPA) เคยจัดอันดับมา โดยในมีอัตราประหยัด ในเมือง 19.7  กิโลเมตร/ลิตร ส่วนบนทางหลวงได้อัตราประหยัด 19.3  กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมีอัตราประหยัดเท่ากับอัตราเฉลี่ย
 Honda Accord Plug-In Hybrid
                ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถใช้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 13  ไมล์ (20.8 กิโลเมตร) นอกจากนี้  Honda Accord Plug-In Hybrid ยังเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่มีการปล่อยเสียต่ำมากจนสามารถขับในเลนพิเศษ ซึ่งทำไว้ให้เฉพาะสำหรับรถที่ขับขี่พร้อมผู้โดยสารหลายคน(คาร์พูล) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
                ทั้งนี้ Honda Accord Plug-In Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดในรหัส Earth  Dream  ขนาด  2.0  ลิตร i-Vtec  ทำงานในแบบ Atkinson Cycle คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6.7  กิโลวัตต์ ส่งกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่แบบลิเธียมไอออน และสามารถชาร์จไฟการใช้กำลังจากแรงเบรก regenerative braking ในการปั่นไฟฟ้าคืนสู่ระบบ
                สำหรับบ้านเรา  Honda Accord  คาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปีนี้ ส่วนรุ่นไฮบริดจะมาวางจำหน่ายหรือไม่ คงต้องคอยติดตามกันเมื่อมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
คารางเปรียบเทียบ อัตราประหยัด ของHonda Accord Plug-In
Model
EPA Combined
MPGe Rating
EPA Fuel Economy City/Highway/Combined
Honda Accord Plug-In
115 MPGe
47/46/46
Ford Fusion Energi Plug-In
100 MPGe
44/41/43
Chevy Volt
98 MPGe
35/40/37
Prius Plug-In
95 MPGe
51/49/50


เรื่องโดย ทีมงาน Sanook! Auto 

งานที่ต้องใช้ ออยล์คูลเลอร์

ออยล์คูลเลอร์ 

เป็นตัวแปลสำคัญสำหรับงานที่ต้องใช้น้ำมัน ออยล์คูลเลอร์มีส่วนช่วยทำให้ระดับความร้อนของน้ำมันอยู่ในระดับที่ดี ทำให้เครื่องจักร หรือเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังมีอายุการใช้งานได้นานอีกด้วย

ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับบริษัทที่ ผลิตออยล์คูลเลอร์ ว่าออยล์คูลเลอร์มีไว้ใช้สำหรับอะไรบ้าง

คำตอบที่ได้ยาวเป็นหางว่าวเลย

ทั้งสำหรับงานไฮดรอลิคต่างๆ ที่ต้องใช้ออยล์คูลเลอร์เข้าไปช่วยระบายความร้อนในระบบ ซึ่งร้อนมากๆ ให้ลดความร้อนลงมาอยู่ในระดับที่ทำให้เครื่องยังมีแรงทำงานหนักๆต่อไปได้

งานพวกรถขุดเจาะ หรือรถสว่าน ที่ต้องให้น้ำมันไฮดรอลิค ซึ่งเช่นเคย ก็ต้องใช้ออยล์คูลเลอร์เข้าไปช่วย

ระบบการทำงานของรถทั่วไป เช่น พวกน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง ซึ่ง ก็สามารถหาออยล์คูลเลอร์ลูกเล็กๆ เข้าไปติดตั้งภายในห้องเครื่อง เพื่อช่วยในการลดความร้อนของน้ำมันส่วนต่างๆได้เป็นอย่างดี

และรายละเอียดที่คุยต่างๆ อีกมากมาย ถ้าท่านใดสนใจ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมก็ลองโทรเข้าไปคุย หรือ ไปที่บริษัท เขาได้เลย ไปพูดคุย ขอคำปรึกษาได้ เป็นกันเองมากๆ

อ๋อ ลืม ให้เบอร์ไว้ 086 345 2995 ชื่อบริษัท ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป จำกัด

หรือเข้าไปที่ website : http://www.ccrthailand.com

ขอบคุณครับ


ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร - How does Radiator Cap works?

ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร - How does Radiator Cap works?


พูดถึงฝาหม้อน้ำ ว่าหน้าที่ของฝาหม้อน้ำมันคืออะไร แล้วมัน ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร และมีความสำคัญขนาดไหน เพื่อที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่อาจจะยังไม่รู้ จะได้เข้าใจว่าฝาหม้อน้ำมีหน้าที่อะไรและควรจะดูแลฝาหม้อน้ำอย่างไรบ้าง

จาก วีดีโอด้านบนที่ผมเอามาให้ดูก็เพื่อว่าจะได้ง่ายขึ้นในการทำความเข้าใจว่า ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร ซึ่งเป็นพื้นฐานการทำงานของฝาหม้อน้ำนั้นเอง เริ่มจาก หน้าที่ของฝาหม้อน้ำ นั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรคือ รักษาแรงดันภายในหม้อน้ำนั่นเอง หน้าตาของฝาหม้อน้ำตามรูปข้างล่าง

ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร

ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร

โดยที่หลังจากที่เครื่องยนต์ติดเครื่องแล้วนั้น ลูกสูบทำงานของมันคือการเผาไหม้เชื้อเพลิงตามรอบหรือ Cycle ของมัน ก็จะเกิดความร้อนขึ้นภายในฝาสูบและเสื้อสูบ จนถึงอุณหภูมิหนึ่งที่วาว์ลน้ำเปิดให้ น้ำร้อนไหลออกมาที่ หม้อน้ำ โดยน้ำร้อนจะออกมาเข้าที่ด้านบน ตามหลักน้ำร้อนเบากว่าน้ำเย็น น้ำเย็นก็จะเข้าไปในเครื่องยนต์แทนน้ำร้อนที่ออกมา

แน่นอนว่าน้ำร้อนที่ออกมาจากเครื่องยนต์ ย่อมเกิดการขยายตัวจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและตามมาด้วยแรงดันที่เกิดจากการ ขยายตัวของน้ำ ซึ่งเจ้าแรงดันที่ว่ามันก็สามารถทำลายอุปกรณ์ภายในของระบบระบายความร้อนของ เราให้ได้รับความเสียหายได้เช่นกัน จึงต้องทำการลดแรงดันที่สูงนั้นออกไปตามสเปคของ ฝาหม้อน้ำ ที่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิดว่ามีแรงดันที่เท่าไหร่

แรงดันก็จะเอาชนะสปริงวาว์ลให้ยุบตัวแล้วน้ำร้อนที่มีแรงดันสูงก็จะถูก ถ่ายออกไปเก็บไว้ที่หม้อพักนั้นเอง หลังจากนั้นเมื่อน้ำที่อยู่ในหม้อน้ำได้ถูถระบายความร้อนออกไปหรือเครื่อง ยนต์หยุดทำงาน แน่นอนว่าความร้อนย่อมลดลงและน้ำร้อนที่เคยขยายตัวก็หดตัวลงทำให้เกิดช่อง ว่างขึ้นภายใน หม้อมน้ำ เกิดเป็นศูนย์ญากาศขึ้น ก็จะมีแรงดูดไปดึงวาว์ลตัวเล็กๆที่เห็นไปดูน้ำจากหม้อพักกลับมาที่เดิมเพื่อ รักษาระดับน้ำใน หม้อน้ำ ไม่ให้น้ำขาดซึ่งจะมีปัญหาความร้อนขึ้นโดยที่เกจความร้อนของเราที่หน้าปัด เราอาจจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้เพราะ ว่าเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดอุณหภูมิอาจไม่สัมผัสกับน้ำ ทำให้การวัดคลาดเคลื่อนได้

จากที่ว่ามาทั้งหมดน่าจะพอเข้าใจได้บ้างว่า ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร ฝาหม้อน้ำมีความสำคัญขนาดไหน ซึ่งต้องควรดูแลตรวจสอบให้อยู่ในสภาพดี ยิ่งรถใช้ไปนานๆก็อาจจำเป็นต้องตรวจสอบและสังเกตุความผิดปรกติ ของระดับน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแม้แต่ท่อน้ำก็สามารถบอกอะไรเราได้ ว่าเกิดสิ่งผิดปรกติขึ้นบ้าง เช่น ท่อน้ำบีบตัวลงหรือแฟบลงนั่นเอง ซึ่งนั้นอาจจะบอกเราว่าเกิดภาวะศูนย์ญากาศในระบบเราแล้ววาว์ลดูกลับอาจไม่ทำงาน และน้ำในหม้อพักน้ำมีระดับน้ำสูงกว่าปรกติ ควรแก้ไขทันทีเป็นต้นครับ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆพี่ๆ จะได้รับสาระดีๆจากบทความในวันนี้นะครับ เอาไว้มีอะไรดีๆผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีก เรื่องดีๆ มีไว้แบ่งปันครับ ขอบคุณครับที่อ่านบทความเกี่ยวกับ ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร

จนจบครับ

บทความเกี่ยวกับ ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร จาก thaioverdrive โดยคุณ Ton

ฝาหม้อน้ำทำงานอย่างไร - How does Radiator Cap works?

วิธีการแก้ไข และ ซ่อมหม้อน้ำ

ถ้ากระเป๋าตังของคุณเหลือเงินน้อยหรือไม่มีและ เพื่อให้มีระดับน้ำในหม้อน้ำของคุณเพียงพอสำหรับการที่จะให้รถคุณวิ่งไปได้ คุณอาจจำเป็นต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ของคุณเอง คุณสามารถซ่อมแซมหม้อน้ำด้วยตัวเอง จนคุณสามารถจ่ายได้เปลี่ยนอาชีพ หากปัญหาเป็นปัญหาเล็กๆ คุณสามารถแก้ไข ซ่อมแซม หม้อน้ำรถของคุณได้อย่างง่ายดาย  เป็นการแก้ใขสถานการณ์เฉพาะหน้าในกรณีที่จำเป็นจริงๆ


มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

คำแนะนำ
  1. ค้นหาที่มาอาการของหม้อน้ำรั่ว โดยการมองหาตามขอบตะเข็บของหม้อน้ำ หรือตามรอยต่อต่างๆ คุณอาจไม่จำเป็นต้องแก้ไข ซ่อมหม้อน้ำ หรือเปลี่ยนหม้อน้ำรถของคุณก็เป็นได้ เพราะอาการรั่วอาจมาจากหนึ่งในท่อแทน เพื่อตรวจสอบเปิดกระโปรงหน้ารถและติดเครื่องยนต์ให้มันทำงานจนกว่าเครื่องจะอุ่นๆ คุณจะเห็นการรั่วไหลทันที ถ้ามันเป็นที่ท่อน้ำเข้าออก จากหม้อน้ำ ก็ซึ้อเปลี่ยนท่อยางก็เป็นอันจบ ราคาไม่แพง งบไม่บานปลาย
  2. ตรวจสอบรอบฝาหม้อน้ำสำหรับการรั่วซึม หากมีของเหลวออกมาจากปาก ก็คงจะต้องเช็คดูว่าสภาพปากหม้อน้ำยังดีอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ดีแล้วก็ซื้อเปลี่ยนได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วตรงฝาจะมีประเกนยาง ซึ่งเมื่อมันเสื่อมสภาพแล้วก็อาจะทำให้น้ำรั่วไหลออกมาได้
  3. แก้ไขการรั่วไหลด้านนอก ถ้าหม้อน้ำรั่วที่ตะเข็บ ใช้พวกกาวซีเมน หรือที่เรียกกันว่าซีเมนเหล็ก ปะปิดรูรั่วนั้นๆ ไปก่อน แล้วมีเวลาก็นำรถเข้าอู่หรือร้านหม้อน้ำ เพื่อให้จัดการซ่อมแบบถูกวิธีและเพื่อความปลอดภัยของเครื่องของรถคุณด้วย เพราะซีเมนเหล็กมันทนได้ไม่นาน
  4. หรือใช้สารชนิดเติม เพื่อหยุดการรั่วไหลที่สามารถใช้กับน้ำยาป้องกันการแข็งตัวสำหรับการแก้ไขง่าย เพียงทำตามคำแนะนำข้างกล่องของน้ำยาที่มีกาวอุดรูรั่งนั้นๆ ของผู้ผลิต ส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์จะต้องให้คุณเติมตัวน้ำยาอุดรอยรั่วลงไปแล้วขับรถไปจนกว่าเครื่องยนต์จะอุ่น
  5. ระบายหม้อน้ำถ้าคุณใช้สารเติมแต่งที่ไม่สามารถผสมกับน้ำหล่อเย็น ล้างหม้อน้ำด้วยน้ำธรรมดาและเติมน้ำพร้อมกับน้ำยากันสนิม แล้วขับไปประมาณ 80 กิโลเมตรถึงเพื่อให้ตัวน้ำยากันรั่วให้ทำงาน ระบายหม้อน้ำอีกครั้งและปล่อยให้มันแห้งออก เติมด้วยน้ำหล่อเย็นและอาการรั่วจะหมดไป (ชั่วคราว) 


คำแนะนำเพิ่มเติม:

     หากคุณพบมากของสนิมในหม้อน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมัน

     หากคุณมีท่อรั่วและวิธีการที่จะได้รับชิ้นส่วนที่ร้านไม่มีท่อห่อในเทปพันสายไฟ มันมีประโยชน์สำหรับระยะทางสั้น ๆ ตรวจสอบท่ออย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเทปมีการรั่วไหล

     อ่านฉลากของสารเติมแต่งเพื่อให้แน่ใจใด ๆ ว่ามันสมบูรณ์ปลอดภัยสำหรับรถของคุณ สารบางชนิดที่สามารถเกิดการอุดตันของระบบระบายความร้อนของรถ

     เสมอพกน้ำหรือภาชนะพิเศษของของเหลวหม้อน้ำ นี้จะช่วยให้คุณออกจากการจราจรติดขัดถ้าแก้ไขชั่วคราวไม่ทำงาน

     ไม่เพียงแค่เติมถังอย่างต่อเนื่องถ้าคุณสังเกตเห็นการรั่วไหล มันเสี่ยงเกินไปและมีราคาแพงเกินไปเมื่อคุณคำนวณค่าใช้จ่ายของของเหลว

     ระวังเมื่อคุณระบายน้ำหม้อน้ำ มันเป็นพิษต่อสัตว์เล็กและเด็กดังนั้นกำจัดอย่างถูกต้อง

     ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องยนต์จะเย็นก่อนที่จะเปิดฝาหม้อน้ำ ถ้าคุณต้องเปิดมันเมื่อมันร้อนไปช้าและให้ความดันที่จะเปิดตัวครั้งแรก แล้วเอาฝาครอบ