ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบไหนดี / engine oil

รถคุณเหมาะกับน้ำมันเครื่องแบบไหน?
น้ำมันเครื่องแบบไหน เหมาะกับรถคุณนะ

ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบไหนดี


      น้ำมันเครื่องที่อยู่ในระบบเครื่องยนต์ของรถคุณนั้น มีหน้าที่ดูแลชิ้นส่วนโลหะต่างๆภายในเครื่องยนต์ ระบายความร้อนกระบอกสูบ และส่วนต่างๆ ลดการเสียดสี เวลาเดินเครื่อง เพื่อให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ยาวนานขึ้น และเดินเครื่องไม่ติดขัด ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ยังช่วยเคลือบช่องว่างระหว่างผิวสัมผัส ช่วยทำความสะอาดเขม่าที่เกิดจากการจุดระเบิดภายในกระบอกสูบ และเศษโลหะที่อาจหลุดจากผนังภายใน ป้องกันกำลังอัดของเครื่องยนต์รั่วไหลภายในเครื่องยนต์ ที่สำคัญป้องกันการกัดกร่อนจากสนิม และกรดต่างๆ ถ้าหากคุณใช้น้ำมันเครื่องที่ดีมีคุณภาพสูง และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำตามกำหนดระยะทาง หรือเวลา จะช่วยให้ยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ได้นานขึ้น โดยคุณสามารถเลือกใช้น้ำมันเครื่องได้ดังนี้
น้ำมันเครื่องที่คุ้นเคยตามการใช้งานมี 3 ชนิด

       1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 4,000 กิโลเมตร
       2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 7,000 กิโลเมตร
       3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 10,000 กิโลเมตร

ตัวอย่างการเลือกซื้อ เช่น รหัส 5w - 30

       ตัวเลข 5w หมายถึงค่าความข้นใส การทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งทนได้มากขึ้น และตัวเลขมากจะเหมาะสำหรับอุณหภูมิสูงๆ ครับ

       ตัวเลข 30 หมายถึงค่าความหนืด ยิ่งน้อย ยิ่งมีความหนืดน้อย หรือลื่นมากนั่นเอง ถ้าหากรถคุณมีอาการกินน้ำมันเครื่องจากการใช้เครื่องยนต์หนัก หรือเครื่องยนต์มีอายุมาก ก็ให้เพิ่มเลขท้ายเป็นเบอร์ 40-50 ได้เลย เพื่อเพิ่มความหนืดน้ำมันเครื่อง ป้องกันการรั่วของกำลังอัด สำหรับอากาศประเทศไทยให้ดูเลขท้ายน้ำมันเครื่องเป็นหลักครับ

เกรดน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน


       สังเกตตัวอักษร S คือ เครื่องยนต์เบนซิน ตามหลังคำว่า API และจะนำหน้าเกรดของน้ำมันเครื่องนั้นๆ ซึ่งจะเรียงลำดับจาก เกรดที่ต่ำสุด-เกรดที่สูงสุด เช่น น้ำมันเครื่องตัวนี้ระบุเกรด L ตัวอักษรข้างกระป๋องก็จะระบุว่า API SL คือ S เครื่องเบนซิน เกรด L เป็นต้น

เกรดน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ ดีเซล


       สังเกตตัวอักษร C คือ เครื่องยนต์ดีเซล ตามหลังคำว่า API และจะนำหน้าเกรดของน้ำมันเครื่องนั้นๆ ซึ่งจะเรียงลำดับจากเกรดที่ต่ำสุด-เกรดที่สูงสุด เช่น น้ำมันเครื่องตัวนี้ระบุเกรด Lตัวอักษรข้างกระป๋องก็จะระบุว่า API CL คือ C เครื่องดีเซล เกรด L เป็นต้น

       สำหรับการถ่ายน้ำมันเครื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก หากคุณใช้งานปกติก็บำรุงรักษาตามคู่มือรถได้เลย ส่วนจะเลือกถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการ หรือมีอู่ประจำก็เลือกได้ตามสะดวก ส่วนใครที่มีความเป็นช่างก็สามารถเปลี่ยนถ่ายเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่าลืมน้ำมันเครื่องเก่าเอาไปขายได้นะครับ

ขอบคุณบทความดีๆ จาก sanook.com
สนับสนุนเนื้อหาSilkspan - จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบไหนดี

ออยล์คูลเลอร์แบบใหม่ เป็นงานลามิเน็ต หรือ Plate and Bar Oil cooler

Plate and Bar oil cooler
แท๊งค์กับหลอดเสมอกัน เรียกว่าแบบลามิเน็ท หรือ Plate And Bar Oil cooler




สำหรับตอนนี้ ทางโรงงานในเครือ ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป สามารถผลิตสินค้า ประเภท ออยล์คูลเลอร์ แอร์คูลเลอร์ ที่เป็นแบบลามิเน็ท หรือเรียกกันในอีกชื่อว่า Plate and Bar  ได้แล้ว ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0863452995 หรือ LINE: cps038272646

ซึ่งจะแตกต่างจากที่ทางบริษัท เคยผลิตมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัท จะผลิตได้เฉพาะที่เป็นท่อแบบฉีดมาแล้วสวมเข้าจาน แต่ตอนนี้มีสินค้าใหม่ นวตกรรมใหม่ ของทางโรงงาน เพื่อจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสั่งทำงาน ที่เหมือนกับงานตัวเดิมที่มาจากยุโรป จากเยรมัน หรือ จากญี่ปุ่น

หรือถ้าสะดวกเดินทางมายังที่บริษัทได้ ก็จะได้เห็นสินค้าตัวจริง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก่อนสั่งทำได้

แผนที่ทางมายังบริษัท 


Oil cooler size 15" x 15" หนา 44มม. พร้อมพัดลม

ออยล์คูลเลอร์ ขนาดใหม่ ขนาด 15 นิ้ว x 15 นิ้ว หนา 44มม. มาพร้อมกับบังลม และพัดลมขนาด 12 นิ้ว 220v

สามารถนำไปใช้กับระบบไฮดรอลิค ที่มีขนาดไม่ใหญ่

รูเข้าออก 1 นิ้ว

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0863452995 หรือ LINE ID: cps038272646

ล้างหม้อน้ำเอง ทำยังไง แบบง่ายๆ เป็นขั้นตอนๆ

วิธีล้างหม้อน้ำ รถยนต์ ด้วยตัวเองทำยังไง

ล้างหม้อน้ำ ด้วยตัวเองทำง่ายๆได้ที่บ้าน ถ้าอยากลอง แต่ถ้าไม่ชัว ก็ไปที่อู่ก็สะดวกเช่นกันแต่อาจแค่ต้องรอคิว ดังนั้นสำหรับ ขารีบ หรือ อยากลองทำเอง ก็ตามด้านล่างนี้เลย


          หม้อน้ำถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของระบบเครื่องยนต์ ที่เราหมั่นดูแล นอกเหนือจากเครื่องยนต์ เพราะหม้อน้ำ จะเป็นตัวระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าเกิดหม้อน้ำสกปรกหรือตันหรือรั่ว ก็จะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้ดี วันนี้เรามาดูในกรณีที่มันสกปรกหรือตันก่อน มาดูกันเลยครับกับการล้างหม้อน้ำเค้าทำกันยังไง

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
  • น้ำยาล้างหม้อน้ำ (หาซื้อได้ที่ห้างสรรสินค้าทั่วไป)
  • สายยางฉีดน้ำ
  • ถุงมือกันน้ำ
  • แปรงล้างขวด (ล้างหม้อพักน้ำ)
  • น้ำสบู่
  • แว่นตานิรภัย (กันน้ำกระเด็นเข้าตา)
  • ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งเก็บน้ำยาหล่อเย็นเก่า
  • ผ้าขี้ริ้ว
  • คีมและไขควง (สำหรับไขปลดหม้อพักน้ำและท่อยาง)


ขั้นตอนที่1

          หลังจากที่จอดรถจนเครื่องยนต์เย็นตัวลง ก็ทำการเปิดฝากระโปรงรถแล้วจากนั้นเปิดฝาหม้อน้ำได้เลย แต่สิ่งสำคัญก็คือ ควรเปิดตอนเครื่องยนต์และหม้อน้ำเย็นตัวเท่านั้น ถ้าเปิดตอนร้อนๆน้ำในหม้อน้ำจะดันแล้วพุ่งออกมาโดนเราได้ ต่อด้วยการหมุดลงไปหมุนหางปลาด้านล่างหม้อน้ำออก แต่ในบางรุ่นจะเป็นน็อต เสร็จแล้วให้ทำการถ่ายน้ำของเดิมออกให้หมด แล้วบิดหางปลาหลวมๆไว้ครับ



ขั้นตอนที่2

          ให้ทำการเติมน้ำยาล้างหม้อน้ำ และ น้ำสะอาด ลงไปในหม้อน้ำแล้ว ติดเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 - 10 นาที เพื่อให้น้ำยาล้างหม้อน้ำเข้าไปทำความสะอาดหม้อน้ำและเครื่องยนต์




ขั้นตอนที่3

           หลังจากเครื่องยนต์เย็นตัวลงแล้วให้ทำการถ่ายน้ำในหม้อน้ำออก ให้หมด แล้วทำการเติมน้ำสะอาดกลับเข้าไปและติดเครื่องยนต์ ทิ้งไว้ 5-10 นาที ทำแบบนี้สัก 2-3รอบ จนน้ำที่เราถ่ายออกมาไม่มีคราบสกปรกออกมา



ขั้นตอนที่4

          ในเมื่อเราทำความสะอาดหม้อน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย จนสะอาดไม่มีคราบสกปรกแล้ว ให้ทำการใช้คีมหรือไขควงถอดหม้อพักน้ำ และท่อยางมาทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยเช่นกันโดยใช้แปรงล้างขวดทำความสะอาด



ขั้นตอนที่5
          ติดตั้งหม้อพักน้ำกลับเข้าที่เดิม และตรวจดูหางปลาด้วยว่า บิดปิดสนิทหรือไม่ จากนั้นทำการเติมน้ำยาหล่อเย็นและน้ำสะอาดกลับเข้าไปในอัตราส่วนที่กำหนด เท่านี้ก็เป็นที่เรียบร้อย กับการล้างหม้อน้ำ

      ขอบคุณบทความดีๆจาก Boxzaracing.com

 ข้อควรระวัง !!!!
     ลองทำกันดูนะครับ ส่วนตัวน้ำยากันสนิมที่เติมนั้น เน้นให้ดูว่าตัวเองใช้หม้อน้ำอะไร ถ้าเป็นหม้อน้ำอลูมิเนียมก็ใช้น้ำยาสำหรับหม้อน้ำอลูมิเนียม เพราะถ้าใส่ผิดอาจจะทำให้รังผึ้งหม้อน้ำอลูมิเนียมรั่วได้ และถ้าใช้หม้อน้ำทองเหลืองทองแดง ก็ใช้น้ำยากันสนิมสำหรับหม้อน้ำทองเหลืองทองแดง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ

สายพานหน้ารถ ทำงานอย่างไร มีไว้ทำไร สำคัญด้วยหรอ ดูแลยังไง

สายพานหน้าเครื่องคืออะไร มีความสำคัญแค่ไหน?

สายพานหน้าเครื่องคืออะไร มีความสำคัญแค่ไหน?

Silkspan
สนับสนุนเนื้อหา
     องค์ประกอบของเครื่องยนต์ที่จำเป็นต้องดูแลมีหลายส่วน ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องหลักๆ อย่างเช่น ของเหลวต่างๆ แล้ว สายพานต่างๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะสายพานมีหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งนั่นเอง
     ซึ่งสายพานที่คุณมักจะได้ยินชื่อเสียงบ่อยๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น สายพานไทม์มิ่ง และ สายพานหน้าเครื่อง ซึ่ง มีหน้าที่ในการทำงานอยู่คนละส่วน แยกกันอย่างชัดเจน และที่ต้องบอกแบบนี้ เพราะบางคนยังเข้าใจว่า สายพานทั้ง 2 แบบ คือสายพานตัวเดียวกัน ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
     สำหรับครั้งนี้เราจะขอพูดถึง สายพานหน้าเครื่อง ซึ่งมีหน้าที่ในการถ่ายทอดกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ไปขับเคลื่อนชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำงานเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน โดยพลังงานในส่วนนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานอื่น ซึ่งจะมีมู่เล่ย์คอยรับ และถ่ายทอดกำลังที่ได้เหล่านี้ไปยังระบบต่างๆ
     แต่ก่อนอื่นขออธิบายให้คนที่ยังไม่ทราบได้รู้กันก่อนว่า สายพานหน้าเครื่องที่พูดถึงมีอะไรบ้าง เช่น สายพานเพาเวอร์, สายพานไดชาร์จ, สายพานปั๊ม, สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์ ฯลฯ และสำหรับสมัยนี้รถใหม่ๆ ส่วนใหญ่ จะใช้สายพานเพียง1 - 2 เส้น คอยทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังชิ้นส่วนต่างๆ ที่กล่าวมา ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่จะใช้สายพานหลายๆ เส้นในการทำงานในแต่ละส่วน
118.jpg
     นอกจากนี้ สายพานหน้าเครื่อง มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 50,000 กิโลเมตร หรือ 2 – 3 ปี แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก่อนถึงระยะให้เปิดฝากระโปรงหน้า แล้วตรวจเช็กเองก็ได้ เพราะมันอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นชัดเจน คุณก็เพียงแค่สังเกตดูว่า มีรอยแตกลายงา เนื้อยางแตกเป็นบั้งๆ หรือสายพานมีเส้นด้ายหลุดหลุ่ยออกมามากหรือไม่ ฯลฯ หากมีอาการตามที่กล่าวมา ให้เปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากใช้ต่อไป ถ้าสายพานขาด ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสายพานจะใช้งานไม่ได้ทันที และอาจทำให้ระบบเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
     และปัญหาของสายพานที่มักพบเจอได้บ่อยๆ ก็คือเรื่องของเสียงที่ดัง เอี๊ยดอ๊าด โดยเฉพาะตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็น หรือตอนที่เพิ่งสตาร์ทใหม่ๆ ซึ่งสาเหตุที่สายพานดังอาจเป็นเพราะ ความตึงของสายพานหย่อนยานลงไป วิธีแก้ไขก็คือการตั้งระยะความตึงของสายพานใหม่ และหลังจากตั้งใหม่แล้ว ให้เช็กดูด้วยว่า หากกดสายพานลงไปมันต้องมีความตึง ไม่หย่อนลงไปเหมือนเดิมอีก
     สุดท้ายนี้ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับสายพาน ไม่ว่าจะเส้นไหน คุณควรรีบตรวจเช็กหาสาเหตุ เพราะถ้าวันใดสายพานเกิดขาดขึ้นมา แทนที่จะเสียเงินแค่ค่าสายพานเส้นใหม่ เผลอๆ อาจต้องเสียเงินเพิ่ม เพื่อซ่อมในจุดอื่นที่ได้รับผลกระทบตามไปด้วยก็ได้

สายพานหน้ารถ ทำงานอย่างไร มีไว้ทำไร สำคัญด้วยหรอ ดูแลยังไง 

ขอบคุณเนื้อหาดีๆ นำมาแบ่งปันเพื่อนๆ