Showing posts with label ระบบหล่อเย็น. Show all posts
Showing posts with label ระบบหล่อเย็น. Show all posts

การบำรุงรักษาหม้อน้ำ (ระบบหล่อเย็น)




           วิธีการบำรุงรักษาหม้อน้ำหรือระบบหล่อเย็น หม้อน้ำ ถือว่าเป็นหัวใจสำคั­อีก ตัวหนึ่งของรถยนต์ เพราะหม้อน้ำจะช่วยระบายความร้อนในการทำงานของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์่ร้อนจัด การระบายความร้อนของรถยนต์โดยทั่วไปจะใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน ทำให้ต้องมีการเช็คระดับน้ำอยู่เสมอว่าลดลงไปมากเท่าใด ถ้าลดลงมากจนแห้งอาจจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูงหรือโอเวอร์ฮีท  และสร้างความเสียหายตามมาได้   

            ในหน้าปัดรถของเรานั้นจะมีสั­­าณเตือนหรือเป็นเข็มบอก โดยจะใช้สั­ลักษณ์เป็นตัว C ย่อมาจาก Cool คือเย็น และ H ย่อมาจาก HOT คือร้อน ปกติแล้วถ้าระดับน้ำถูกต้องเข็มวัดความร้อนจะอยู่ในระดับปานกลางระหว่างกับ H แต่ถ้าขาดการดูแลจนระดับน้ำแห้งความร้อนจะมีมากขึ้นจนเข็มชี้ไปที่นั้น แปลว่ารถเกิดความร้อนมากต้องรีบจอดรถและหาน้ำมาเติม  การเติมน้ำจะต้องรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน ที่สำคั­ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนจัดเพราะอาจจะได้รับอันตราย  จากไอน้ำที่พุ่งออกมาได้

            ดังนั้น เพื่อให้หม้อน้ำรถยนต์อยู่คู่กับรถยนต์ของท่านไปนานๆ ก็ควรดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหม้อน้ำเกิดปั­หาขึ้นมา เครื่องยนต์จะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเป็นลำดับต่อไป เครื่องยนต์อาจจะร้อนจัดขนาด OVER HEAT สิ่ง ที่ต้องเสียตามมาติดๆ คือเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ต้องถูกควักจ่ายเพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้นรักคุณ รักรถจะมาบอกวิธีในการดูแลรักษาหม้อน้ำโดยมีดังนี้

    1. ควรตรวจดูระดับน้ำทุกๆ ครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ หรืออย่างน้อยทุกๆ 2-3 วัน สำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี และอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งปรกติระดับน้ำควรอยู่ตรงคอหม้อน้ำพอดี หรืออยู่ระหว่างกึ่งกลางขีด MAX และ MIN สำหรับรถที่มีหม้อพักน้ำ 

    2. ควร เติมน้ำที่สะอาดลงไปในหม้อน้ำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อน้ำ หรือทางเดินของหลอดรังผึ้งหม้อน้ำเกิดการอุดตัน ถ้าเป็นไปได้ น้ำที่เราใช้ดื่มดีที่สุดสำหรับใช้เติมหม้อน้ำ

    3. หมั่นตรวจดูรอยรั่วตามที่จุดต่างๆ อย่างเช่น  ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้ง ปั๊มน้ำ  ฯลฯ  หากพบรอยรั่วซึม ควรทำการซ่อมทันที

    4. ตรวจดูสายพานหน้าเครื่อง ไม่ควรให้หย่อนหรือตึงเกินไป ตามปรกติเมื่อใช้มือกดลงบนสายพานควรยุบตัวลงประมาณ 1 นิ้ว

    5. ตรวจดูครีบรังผึ้ง (FIN) ของหม้อน้ำ อย่าให้พับงอปิดช่องทางผ่านของลม ไม่ควรให้สกปรกด้วยดินโคลนและคราบน้ำมัน เพราะจะทำให้ระบายความร้อนได้ยาก เครื่องยนต์อาจร้อนจัด และหากครีบพับงอ ให้ใช้ใบเลื่อยหรือโลหะบางๆ ดัดให้ตรง หรือถ้าครีบสกปรกมากให้ทำความสะอาดโดยใช้ลมเป่าหรือน้ำร้อนที่มีความดันสูง พอพ่นย้อนทิศทางลมเข้า

    6. พัดลม ระบายความร้อนควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกหัก หรือบิดงอเสียศูนย์ เพราะจะทำให้ปั๊มน้ำชำรุดได้ แต่ถ้าเป็นพัดลมไฟฟ้า ต้องคอยตรวจเช็คว่าพัดลมหมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือไม่ เพราะถ้าพัดลมหมุนด้วยรอบที่ช้าลง การระบายความร้อนให้หม้อน้ำรถยนต์ก็จะด้อยตามไปด้วย              

    7. ไม่ ควรติดเครื่องยนต์โดยไม่ได้ปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อน้ำและภายในเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำระเหย
ออกมา เมื่อเกิดตะกรันในหม้อน้ำ หรือบริเวณท่อทางเดินน้ำในเครื่องยนต์มาก ๆ จะเป็นผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะการระบายความร้อนไม่ดีพอ

    8. เกจวัดความร้อนต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ หากเสียใช้การไม่ได้ให้เปลี่ยนใหม่ทันที

    9. หากน้ำในหม้อน้ำแห้ง ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และมีอุณหภูมิสูง ไม่ควรดับเครื่องยนต์และเติมน้ำในทันที  ให้ติดเครื่องเดินเบาๆ สักระยะหนึ่ง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วค่อยๆ เติมน้ำที่สะอาดลงไปทีละน้อยด้วยความระมัดระวัง

    10 ควรถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุกๆ 4-6 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าน้ำในหม้อน้ำสกปรกมากแล้ว เช่น มีสนิมหรือคราบน้ำมัน

            10 วิธีง่ายๆ ที่จะให้คุณดูแลรถสุดที่รักของคุณให้อยู่กับคุณไปนานๆ

ข้อมูลจาก http : / / www.carmarket. in. th