ป้ายทะเบียนรถยนต์รูปแบบใหม่ 2555


 
คงจะสงสัยกันมานานว่าทำไมช่วงไม่กี่เดือนมานี้ป้ายทะเบียน โดยเฉพาะป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ถึงดูประหลาดๆเหมือนกับเอากระดาษ A4 มาทำเป็นป้ายทะเบียน และในที่สุดของการรอคอยเราก็จะได้ใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์รูปแบบใหม่

กรมขนส่งทางบกได้เปิดเผยรูปแบบของป้ายทะเบียนใหม่ที่จะเริ่มใช้งานในกลาง เดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่หมวด ฆฮ ที่ผลิตเสร็จสิ้นไปแล้วได้หมดลง ป้ายทะเบียนแบบใหม่จะมีการเพิ่มตัวเลขด้านหน้าอีกหนึ่งหลัก โดยจากสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ที่ผ่านมา กรมขนส่งฯ มั่นใจว่าจะสามารถใช้ป้ายในรูปแบบเดิมได้อีกมากกว่า 150 ป

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เปิดเผยว่า ทางขบ.ได้วางแผนที่จะเริ่มใช้งานป้ายทะเบียนรูปแบบใหม่ที่มีการใช้ตัวเลขนำ หน้าจากรูปแบบที่ใช้อยู่อีกหนึ่งตำแหน่ง โดยจะเริ่มใช้ในช่วงกลางเดือนตุลาคม สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดเนื่องมาจากทะเบียนที่ขึ้นต้นด้วย ฆฮ ซึ่งเป็นหมายเลขทะเบียนหมวดสุดท้ายใกล้จะหมดพอดี โดยทางขบ.มั่นใจว่าการเปลี่ยนรูปแบบป้ายทะเบียนในครั้งนี้ จะสามารถรองรับการจดทะเบียนป้ายได้อีกมากกว่า 150 ปี โดยในขณะนี้ทางขบ.ได้ส่งมอบป้ายรูปแบบใหม่ให้กับทางผู้ผลิตไปแล้วประมาณ 4 ล้านป้าย ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งานในอนาคตข้างหน้า

ป้ายทะเบียนรถยนต์แบบใหม่ 2555
ขบ. ยังได้เปิดเผยถึงข้อมูลสถิติการจดทะเบียนรถใหม่ในช่วงที่ผ่านมาว่ามีเพิ่ม ขึ้นกว่าเดิมกว่า 2 เท่า โดยในปัจจุบันมีการจดทะเบียนรถใหม่ทั่วประเทศประมาณ 80,000 คันต่อเดือน ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 40,000 คันต่อเดือน ซึ่งการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างมากนี้เกิดขึ้นจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ทำให้ประชาชนสนใจซื้อรถยนต์มาใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้นทางขบ.ยังมีโครงการที่จะเสนอของบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาป้ายทะเบียนแตกลายงาที่มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากได้รับการอนุมัติ ทางขบ.ได้วางแผนไว้ว่าจะใช้งบประมาณดังกล่าวในการจัดทำป้ายใหม่ให้ฟรี แต่ในปัจจุบันประชาชนที่มาร้องเรียนเรื่องป้ายทะเบียนแตกลายงามีจำนวนลดลง ซึ่งอาจจะเกิดจากประชาชนไม่ได้ใส่ใจเรื่องดังกล่าวแล้ว

วิธีขับรถตอนน้ำท่วมและช่วงฝนตก




ช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวัน ทำให้มีน้ำท่วมขัง และน้ำท่วมตามจังหวัดต่างๆ ทำให้การขับรถนั้นยากลำบากยิ่งขึ้น เรามาดูวิธีขับรถตอนน้ำท่วมกันว่ามีข้อปฎิบัติอย่างไรมั่ง

- ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำลึก หรือแม้จะน้ำตื้นก็ตาม เพราะ สาเหตุที่รถดับ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ เพราะว่า เมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้วทำให้เครื่องดับ
-ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1 ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสีย เพราะต่อให้น้ำจะท่วมท่อไอเสีย แล้วสตาร์ทรถอยู่ที่รอบเดินเบา แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาอย่างสบายๆ ต่อให้จอดรถทิ้งไว้จนน้ำท่วมท่อไอเสียก็ตาม เมื่อสตาร์ทรถก็ยังติดแน่นอน สำหรับเครื่องหัวฉีด
-ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ก็ใช้ประมาณเกียร์ 2 ควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น
-ควรลดความเร็วลง เมื่อกำลังขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังขับมา เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา มันก็อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้

ขับรถตอนน้ำท่วม

และเมื่อเวลาเจอฝนตกหนักๆ

ช่วงนี้มีฝนตก ทำให้พื้นผิวการจราจรนั้นติดขัดและพื้นผิวถนนก็ลื่น ทำให้รถนั้นแล่นหรือเคลื่อนตัวได้ช้าลง เราควรขับรถด้วยความระมัดระวัง และควรเช็ครถก่อนออกจากบ้านว่ารถมีสภาพที่ใช้งานได้ดีหรือไม่

1. ก่อนออกจากบ้าน ตรวจดูสภาพความพร้อมของที่ปัดน้ำฝน
2. ตรวจดูไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยวไฟกะพริบ ไฟถอยหลังว่าใช้การได้ดีหรือไม่ ถ้าไฟด้านไหนไม่ติดก็ต้องไปเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยน่ะค่ะ
3. ตรวจดูแบตเตอรี่สม่ำเสมอ โดยการเติมน้ำกลั่นที่หม้อแบต สามารถซื้อได้ที่ปั้มน้ำมันหรืออู่ซ่อมรถค่ะ
4. ดูสภาพยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานไม่อ่อน และแข็งเกินไป และยางทั้ง 4 ต้องอยู่ในสภาพที่ดีน่ะค่ะ
5. ตรวจสอบเบรคด้วยการเหยียบย้ำ ๆ ดู ว่าเบรคสึก หรือตื้นไป และให้เหยียบย้ำ ๆ มากขึ้นเมื่อพ้นสภาพถนนเปียก เป็นการไล่น้ำ ออกจากเบรค และให้เกิดความร้อน และมีประสิทธิภาพในการใช้งานต่อไป
6. ควรขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่เร็วเกินไปเนื่องจากเครื่องยนต์ เกิดจากความร้อนเมื่อถูกความเย็น จะทำให้เกิดความร้อนขึ้น มีผลต่อกระแสไฟฟ้า และลัดวงจรเป็นเหตุ ให้เครื่องยนต์ดับได้
7. หากรถดับให้เปิดฝากระโปรง หาผ้าแห้ง  ซับบริเวณเครื่องยนต์ ถ้ามีสารเคมี เพื่อฉีดพ่นเครื่องยนต์ ไล่ความชื้น ได้ด้วยก็จะดี
8. หากเกิดฝ้าบริเวณกระจกหน้า ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดเป็นระยะ ๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่
9. หากหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ ถนนมีน้ำท่วมขัง ไม่ได้ให้ปิดเครื่องปรับอากาศชั่วคราวนะคะ เพราะน้ำอาจจะเข้าไปที่พัดลม เครื่องปรับอากาศ ทำให้เสียได้ และพัดลมหม้อน้ำ จะตีเอาน้ำที่เข้ารถเป็นละอองปกคลุม ในห้องเครื่องเป็นสาเหตุให้รถดับได้

Proper Methods to change a car Radiator

You could ask your reliable auto technician in case your vehicle all of a sudden stops working along with a particular part must be fixed or changed. A particular example may be the vehicle radiator. In case your vehicle will get delayed because of a radiator problem, it might be essential to take proper care of changing this very important component. Radiators of older automobiles might be less complicated to alter in comparison to modern cars. Although modern radiators will keep going until 150,000 miles, it is extremely difficult to remove due to the complicated engine compartments. Nevertheless, you need to know the stages in changing radiators just in case of problems.

Don't unscrew the radiator cap or begin working when the radiator continues to be hot. Pressure will certainly spew the water and coolant. Along the way, this could scald the face, hands and whole body. You have to park the vehicle, stay away from the engine and allow it to awesome lower for a few hrs before beginning.

Make certain that both bad and the good battery devices are disconnected like a safety precaution. You need to drain the radiator coolant. Search for the plug around the right flank from the radiator. You need to fail the vehicle as it is underneath the radiator close to the passenger side. Be cautious in tugging the plug for older models. It is extremely difficult to find alternative caps in auto parts shops. You can easily jerk the hose and allow the fluid flow in the garden hose. This can be a safer method but it may cause lots of mess.

Now you can remove the radiator. Unfasten all plastic covers, remove the hoses and sever the bond towards the fan. Unscrew and remove the fan set up. You are able to undo the clamps having a flat-mind screwdriver. If you discover the radiator hoses cracked, it will likely be essential to replace this with a brand new unit. It's also vital that you remove transmission cooler lines utilizing an open-finish wrench. They are situated at the bottom of the radiator.

Install your brand-new radiator by reconnecting safely clamps that grip the radiator, transmission lines and cooling hoses. Put back the cooling fan shroud and all sorts of plastic covers. Now you can re-attach the electrical connections.

Filling the radiator with coolant ought to be done with caution. This solution consists of the same proportion of anti-freeze chemical and sterilized water. There must be a greater ratio of anti-freeze, if you reside somewhere in which the weather conditions are cooler. You can purchase the anti-freeze tester from the auto parts outlet. This really is utilized to determine the combination of water and anti-freeze. Sterilized water has lower swimming pool water content unlike plain tap water. Swimming pool water can harm radiators if used regularly.

Use a try out once you have effectively mounted your brand-new radiator. Monitor the progress of the radiator, coolant and temperature of water level. Do that for the following couple of days to make sure that you will find no leaks. If you will find no problems, then you're assured the your brand-new radiator will function correctly.

ออยล์คูลเลอร์ คืออะไร ไว้ทำอะไร ติดดีมั้ย?

ออยล์คูลเลอร์ ( OIL COOLER ) แปลตรงตัวเลยมันก็คือ ตัวทำเย็นน้ำมันเครื่อง ที่เราเห็นรถแรงๆ มักหามาใส่กันอันที่จริงแล้วมันก็มีประโยชน์มากแต่ในการที่ติดตั้งไม่ถูกหลักมันก็อาจจะกลายเป็นโทษได้เหมือนกัน เรามารูจักหน้าที่การทำงานและประโยชน์กันก่อนดีกว่า

น้ำมันเครื่องที่เราใช้อยู่มีหน้าที่ในการลดการเสียดสีของชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์
เพื่อให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอน้อยที่สุดโดยอาศัยฟิล์มบางๆของน้ำมันเครื่องเข้าไปแทรก ในช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆเช่น เพลาข้อเหวี่ยง แหวนสูป ก้านสูป เพลาราวลิ้น แคมชาร์ป
และส่วนอื่นๆอีก น้ำมันเครื่องที่ดีจะมีสารในการยึดเกาะโลหะได้ดี แต่ก็จะทำงานได้ที่ อุณหภูมิที่กำหนดเท่านั้น น้ำมันเครื่องที่มีราคาแพงจะสามารถทำหน้าที่ในการหล่อลื่นที่ อุณหภูมิสูงๆได้ดีและใช้ได้ยาวนานกว่าเพราะมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติน้อย น้ำมันเครื่อง
ที่มีราคาถูกจะทำงานได้ดีที่อุณหภูมิที่กำหนดแต่พออุณหภูมิสูงขึ้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณสมบัติเหลวใสขึ้นในขณะที่เครื่องต้องทำงานหนักขึ้น ความร้อนเกิดขึ้นสูง โลหะในเครื่องยนต์เกิดการขยายตัว ดังนั้นโอกาสที่โลหะจะเกิดการกระทบกันเป็นไปได้มาก และเกิดความเสียหายขึ้น
 

หน้าที่
ออยล์คูเลอร์ มีหน้าที่ในการช่วยระบายความร้อนของน้ำมันเครื่องที่หมุนเวียนอยู่ในเครื่องยนต์ของเรา ให้เย็นลง ภายในท่อภายในออยล์คูลเลอร์จะมีครีบเล็กๆให้น้ำมันเครื่องไหลผ่าน และอาศัยอากาศ จากภายนอกไหลมากระทบกับท่อน้ำมันซึ่งจะมีครีบบางๆเพื่อนำพาความร้อนออกมาระบายให้เย็นตัวลง

ออยล์คูเลอร์มีอยู่ 2 ชนิด
1. ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ พวกนี้จะติดตั้งมาจากโรงงาน มักจะติดอยู่กับกรองน้ำมันเครื่อง โดยทำเป็นอแดปเตอร์ ต่อขึ้นมาก่อนแล้วใช้น้ำจาก หม้อน้ำ ไหลผ่านมาระบายความร้อน หรือติดตั้งอยู่กับเสื้อสูปในเครื่องที่ออกแบบมาในจุดที่มีน้ำและ น้ำมันเครื่อง ไหลผ่าน
พวกนี้มักทำด้วยสแตนเลสเพื่อทนต่อการกัดกร่อนของน้ำแต่ระบายความร้อนได้ไม่ค่อยดี

2. ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ
มี 2 แบบ ที่ทำด้วยทองแดงโดยท่อภายใน และภายนอกทำด้วยทองแดงทั้งสิ้นพวกนี้ จะทนทานกว่า มีน้ำหนักมากกว่า แต่การระบายความร้อน จะระบาย ได้น้อย และแบบที่สองทำด้วยอลูมิเนียม พวกนี้มีน้ำหนักน้อยกว่า ความแข็งแรงน้อยกว่า แต่การระบายความร้อนดีกว่ามาก
 

การติดตั้ง
ส่วนมากแล้ว ออยล์คูลเลอร์ ในเครื่องยนต์ดีเซลมักจะมีการติดตั้ง มาอยู่แล้วเพราะ เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องที่มี ความร้อนสูง และในเครื่องเทอร์โบส่วนมากก็มัก จะ ติดตั้งมาให้แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นแบบระบายความร้อนด้วยน้ำและ ถ้าแบบ ระบายความร้อน ด้วยอากาศมักจะมี ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ที่ติดตั้งแบบระบายความร้อนด้วยอากาศมาแล้ว เราสามารถหาซื้อแบบที่ดีกว่าและใหญ่กว่ามาติดตั้งแทนได้เลย
แต่ในเครื่องที่ระบายความร้อนด้วยน้ำมักต้องถอดของเดิมออกก่อนและหาอแดปเตอร์มาต่อในจุดที่เคยใส่กรองน้ำมันเครื่อง และต่อสาย มายังตัวใส่ กรองน้ำมันเครื่อง ด้านนอก แล้วในตัวอแดปเตอร์ จะมีสายแยกแพื่อจะเข้าไปยัง ออยล์คูลเลอร์ อีกที
การติดตั้งต้องอยู่ในจุดรับลมที่จะมาระบายความร้อนได้ดี ไม่เสียงต่อการกระแทกกับพื้น ล้อรถยนต์ ทำความสะอาดง่าย หรือสามารถเพิ่มพัดลมไฟฟ้ามาระบายความร้อนได้ยิ่งดี ท่อยางควรใช้สายทนแรงดัน จำพวกสายไฮโดรลิค หรือสายสแตนเลสถัก หัวต่อต้องเป็นหัวสายแบบทนแรงดันสูงเท่านั้น การเดินสายต้องระวังจุดหมุนหรือจุดเสียดสีทุกจุดหรือมีวัสดุมาป้องกันเพื่อป้องกันการฉีกแตกหรือติดตั้งเกจ์วัดแรงดันไว้คอยเตือนเมื่อเกิดการแตกรั่ว  

ข้อดี
ช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี มีความสำคัญพอๆกับหม้อน้ำเพราะถ้าน้ำมันเครื่องเย็นมีผลทำให้อุณหภูมิของเครื่องเย็นลงด้วย ยืดอายุของน้ำมันเครื่องให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ข้อควรระวัง
ต้องคำนึงด้วยว่าปั้มน้ำมันเครื่องของเรามีเเรงดันเพียงพอหรือไม่เพราะจะทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องลดลงอาจต้องเปลี่ยนปั้มน้ำมันเครื่อง การติดตั้งต้องใช้วัสดุอย่างดีและจุดที่ปลอดภัยที่สุดถ้าเกิดการแตกรั่วน้ำมันเครื่องจะถูกดันออกจากเครื่องอย่างรวดเร็วจนเราไม่ทันรู้ตัวเครื่องก็พังเสียแล้ว เมื่อติดตั้งแล้วควรวัดระดับน้ำมันเครื่อง เพราะต้องเพิ่มน้ำมันเครื่องอีก 1 – 2 ลิตร


ความคิดเห็น
คนที่ 1
ผมไม่เคยติดและก็ไม่เคยที่จะติด แต่มีประสบการณ์จริงจากเพื่อนที่เคยติด
ข้อเสีย
1.เสียเงินติด
2.เสียรูปทรงของรถเพราะต้องแปลงใส่เช่นต้องเจาะบังลม
3.เครื่องมักพังเพราะน้ำมันเครื่องมันไปอยู่ที่ออยทำ ให้ในเครื่องมีน้ำมันน้อย
ข้อดี
1.คนที่ติดคิดว่าเท่
2.คนติดคิดว่ามันระบายความร้อนดีกว่าระบายด้วยลม
3.คนติดคิดว่าการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์มันคือเรื่ องที่น่าภูมิใจ
ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะได้ข้อมูลจากคนที่เคยติดและอีก อย่างคนที่ติดจริงๆและปัจจุบันได้เอาออกหมดแล้ว

คนที่ 2
ผมว่าดีนะ
ประสบการณ์ที่เคยติดมา ออยล์คูลเลอร์ สามารถติดยังงัยก็ได้ เอียงซ้าย ตะแคงขวา ได้หมด
ต้องใส่น้ำมันเครื่องเพิ่ม ให้พอดีกับตัวออยล์คูลเลอร์ แค่นี้ก็จบ หล่อแล้ว

คนที่ 3
สำหรับเครื่องยนต์แล้ว ผมว่าน้ำมันเครื่องสำคัญที่สุด การติดออยคูลเลอร์เป็นการช่วยเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเครื่องยนต์เกิดความร้อน ความสามารถของเครื่องยนต์ก้จะลดลง

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นการระบายความร้อนโดย ผ่านน้ำมันเครื่อง โดยที่นำมันจะผ่านอุปกรณ์นั้นก็คือ ออย์คูลเลอร์ น้ำมันเคื่องมีความหน่าแน่นของโมเลกุลมาก การคลายความร้อนของน้ำมันก็จะกินเวลานานกว่าน้ำ ระบบเครื่องยนต์จะมีการไหลเวียนน้ำมัน เมื่อใส่ออยคูลเลอร์น้ำมันเครื่องก็จะไหลเวียนผ่านออ ยคูลเลอร์ทำให้น้ำมันเครื่องเย็นลงเร็วขึ้นกว่าปกติ

ผมขี่ sr อย่างแรกที่ใส่คือ ออยคูลเลอร์ เพราะผมชอบ และมันช่วยรถได้จริง

ออยคูลเลอร์ ที่ผมคิดน่ะ ข้อดีมีแค่ 2 ข้อ คือ ระบายความร้อน และ เท่ อย่างแรง
ข้อเสีย คือ
แพง ครับ ทุกอย่างที่เกียวกับออยคูลเลอร์
รถบางรุ่น บางคันไม่สามารถติดออยคูลเลอร์ได้ แต่สามารถแปลงใส่ได้ ขึ้นอยู่กับช่าง
น้ำมันเครื่องครับ ถ้าคุณติดออยคูลเลอร์แล้ว ให้เพิ่มน้ำมันเครื่อง ย้ำน่ะครับ เพิ่มน้ำมันเครื่อง
ออยคูลเลอร์ส่วนมากจะผลิตจากอลูมิเนียม มันจะแตก หัก งอ รั่ว ได้ง่าย
เมื่อออยคูลเลอร์มันรั่วน่ะ ปัญหาทุกอย่างเกี่ยวกับเครื่องจะตามมา สูบติด เกียร์แข็ง วาวล์พัง
ข้อแนะนำน่ะครับ
ต้องคอยดูระดับน้ำมันเครื่อง
อย่าให้ออยคูลเลอร์ รั่วครับ ทั้งที่ตัวออยเอง หรือข้อต่อ เพราะถ้ามันรั่ว น้ำมันเครื่องก็จะไหลซึมหยดทำให้นำมันเครื่องแห้งได้ ครับ และ ปัญหา ก็จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์

ถ้าคิดจะแรง ก็ต้องรักษาบาง เป็นห่วงรถบ้าง จะได้อยู่กับเราไปนานๆๆ

คนที่ 4
จากที่ผมศึกษาและขี่รถทั้ง 2 ตระกูลนี้อยู่ ถามว่าถ้าออยคูลเลอร์ติดแล้วดีไหม...
คำตอบคือ: ดี...และไม่ดี แต่มันมีเหตุผลที่ต่างกัน
ดี: เพราะว่ามันช่วยลดอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องลงทำให้น้ ำมันเครื่องยังคงคุณสมบัติในการหล่อลื่นเครื่องยนต์เ ต็มประสิทธิภาพทำให้เครื่องยนต์ไม่สึกหรอเร็วช่วยยืด อายุเครื่องยนต์และมีกำลังขับเคลื่อนเต็มประสิทธิภาพ ของเครื่องยนต์นั้นๆ
แต่ทำไมทางโรงงานผู้ผลิตไม่ใส่มาให้เลยล่ะ?มันก็มีเห ตุผลอีกนั่นแหล่ะ...
สิ่งที่ต้องเสียก็คือ : ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ราคารถแพงขึ้นแล้วจะทำยอดขายแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข ่งขันได้ยังงัย เขาจึงไปปรับแก้ตรงจุดที่มีระบบไหลเวียนของน้ำมันเคร ื่องรถเครื่องยนต์ตัวนั้นๆให้มีระบบระบายความร้อนในต ัวได้เลยถึงจะมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับ ออยคูลเลอร์แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยและลดต้นทุนด้วยแล ะไปปรับ ในคู่มือการใช้งานของเครื่องยนต์นั้นๆที่ให้มากับรถง ัยล่ะ ว่ารถคันนี้รุ่นนี้ควรจะต้องถ่ายน้ำมันเครื่องที่จำน วนกิโลเมตรที่เท่าไหร่ ใช้น้ำมันเครื่องเกรดไหนยังงัยล่ะยกตัวอย่างรถตระกูล ซี70,65,50 เค้ามีระบบระบายความร้อนน้ำมันเครื่องมาให้แล้วอยู่ต รงฝาสูบฝั่งขวามือเลยหัวเทียนขึ้นไปงัยล่ะที่มีครีบอ ่ะ ส่วนเอสอาร์ ก็ใช้ระบบหมุนเวียนผ่านโครงตัวถังรถเพื่อระบายอุณหภู มิให้ลดลงด้วยครับ
การที่คุณติดออยคูลเลอร์เพิ่มเติมเข้าไปสิ่งที่คุณจะ ต้องเสียคือ...
1.เสียเงินแน่ๆอย่างที่คุณ c50บอกยิ่งยี่ห้อดังยิ่งแพงจริงไหม
2.ดัดแปลงเพื่อติดตั้งมันลงไปในตัวรถ(ถ้าผ่านด่านเจอ ท่านตำหนวดแนวๆ ถึงรถคุณจะอุปกรณ์ส่วนควบครบหมดแต่มีการดัดแปลงติดออ ยล์ฯลฯอาจจะโดนข้อหาดัดแปลงได้นะ)
3.เสียเงินในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแต่ละครั้งมากกว ่าปกติ เพราะมันต้องเติมมากกว่าระดับมาตรฐานงัย 1 ลิตรอาจจะไม่พอ(ขึ้นอยู่กับขนาดของออยล์คูลเลอร์และส ายเดินน้ำมัน)
4.ระบบปั้มน้ำมันเครื่องอาจจะชำรุดเร็วกว่าปกติ เพราะต้องรับภาระมากขึ้น
สรุปถ้าท่านที่จะติดออยล์ฯลฯเพราะมีกำลังทรัพย์เหลือ หรือว่ารถของท่านมีการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีสมรรถ ณะสูงขึ้นกว่าเดิมอยู่หลายเท่าตัวหรือใช้ในการแข่งขั นก็ติดได้เลยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้ ทำงานเต็มที่และความเท่ห์สวยในรถของท่านครับ...

ถูกทั้งสองท่านแต่ความคิดอาจจะไม่เหมือนกันนิดหน่อยอ าจเป็นแต่ก็เป็นการแสดงความคิดและความเข้าใจของตัวเอ งครับยังไงก็ชาวสองล้อใช่ไหมครับ

บทความดีๆ จาก thaispeedcar และ thaiscooter

คุณก็ดูแลรักษาหม้อน้ำรถยนต์ของคุณเองได้

ผู้ใช้รถยนต์ สมัยนี้ส่วนใหญ่จะยุ่งมากจนไม่มีเวลาหรือถึงแม้ว่าจะมีเวลา ผู้ผลิตรถยนต์ ส่วนใหญ๋ก็จะ ผลิตรถยนต์ สมัยใหม่ออกมาให้ดูแลรักษาด้วยตัวเองยุ่งยากมากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการติดตั้งระบบตรวจเตือนมาไว้ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คนใช้รถ จึงมีหน้าที่เพียงแค่ อ่านมาตรวัด ของระบบตรวจเตือนทั้งหลายให้แม่นยำ เท่านั้น เมื่อพบว่ามีการเตือนจากระบบใดระบบหนึ่ง ก็ทำได้เพียงแค่นำรถไปพบช่างในศูนย์บริการเท่านั้นเอง

      ส่วนประกอบของ หม้อน้ำ
                              waterpump radiator
      ส่วนวิธีการที่จะกำจัดสนิมใน หม้อน้ำ ให้หมดไปอย่างถาวร ยังไม่มีใครคิดค้นขึ้นมาได้ เพราะในความเป็นจริงสนิมที่พบในน้ำหล่อเย็นไม่ได้เกิดขึ้นมาจาก หม้อน้ำ เพราะ หม้อน้ำ สมัยใหม่ผู้ผลิตรถจะใช้ หม้อน้ำอลูมิเมียม เป็นโครงสร้างในส่วนของ รังผึ้งหม้อน้ำ และ ท่อทางเดินน้ำ ส่วนชิ้นส่วนที่เป็นท่อนล่างและท่อนครอบด้านบนของ หม้อน้ำ หรือเรียกอีกอย่างว่าแท๊งค์ ก็จะใช้วัสดุประเภทพลาสติกฉีดที่เห็นเป็นสีดำๆ


      สนิมที่พบในน้ำ จากระบบหล่อเย็น มีที่มาจากท่อทางเดินน้ำบริเวณข้าง เสื้อสูบเป็นส่วนใหญ่ เพราะ เสื้อสูบของรถยนต์ ส่วนมากผลิตมาจากเหล็กหล่อที่เกิดสนิมได้ง่าย ซึ่งท่อทางเดินน้ำบริเวณข้างเสื้อสูบจะเป็นช่องทางเล็กๆที่ลดเลี้ยวซอกซอนไป มา คล้ายทางเดินของมดหรือปลวก

      ยุคก่อนมีคนแนะนำให้ใช้ผงซักฟอกผสมลงไปในน้ำที่ใช้ใน ระบบหล่อเย็น แต่คำแนะนำของผู้ผลิตในปัจจุบันนี้ห้ามไม่ให้ใช้ผงซักฟอกหรือสารที่เกิดฟอง เพราะเกรงว่าหากมีสารที่ก่อให้เกิดฟองตกค้างอยู่ในระบบ จะทำให้เกิดการสูญเสียของอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิได้

      วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการทำความสะอาด หม้อน้ำ และ ระบบหล่อเย็นด้วยตนเองคือการ ขยันถ่ายน้ำใน หม้อน้ำ ระบบบ่อยๆ และควรถ่ายน้ำในขณะที่อุณหภูมิของน้ำยังอุ่นๆอยู่เพาระาสิ่งสกปรกและสนิมจะยังไม่ตกตะกอนนอนก้น จะมีโอกาศถูกถ่ายทิ้งออกมาได้ง่ายกว่า การถ่ายตอนที่น้ำในระบบเย็นหมดแล้ว

      หากพบว่าหลังจากถ่ายน้ำไปแล้วยัง มีสนิมหลงเหลืออยู่ใน หม้อน้ำ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่สนิมยังคงอยู่บ้าง ถ้าไม่สบายใจจริงๆก็ต้องนำรถไปหาช่างที่ ร้านหม้อน้ำ ให้เขาทำการ ล้างหม้อน้ำ ด้วยการใช้แรงดันน้ำเข้าไปไล่สิ่งสกปรกรวมทั้งสนิม ออกมาแต่หากไม่ตะขิดตะขวงใจจริงๆก็ปล่อย มันไว้อย่างนั้นเถอะ ไม่เสียเงินและไม่ต้องกลัวผลกระทบด้านลบที่ตามมาที่หลังอีกด้วย

      รู้ได้อย่างไรว่า ฝาหม้อน้ำ เสีย

      ให้สังเกตดูระดับน้ำใน หม้อน้ำ และ หม้อพักน้ำ ถ้าพบว่าน้ำใน หม้อพักน้ำ ไม่ยุบแต่น้ำใน หม้อน้ำ ยุบลงกว่าปรกติ หรือน้ำใน หม้อพักน้ำ ต้องเติมบ่อยๆแต่ไม่มาก นั่นคืออาการของ ฝาหม้อน้ำ เสียแล้ว ให้เปลี่ยนใหม่เลย(ให้ใช้ของแท้)

      ฝาหม้อน้ำ ทำหน้าที่ควบคุมความดันภายใน หม้อน้ำ ในขณะที่เครื่องยนต์ กำลังทำงาน และช่วยเพิ่มจุดเดือดของน้ำหล่อเย็นในระบบให้สูงขึ้น ในขณะที่น้ำหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะเกิดการขยายตัว เพื่อดันตัวเองออกสู่ภายนอก หม้อน้ำ สปริงวาล์วของ ฝาหม้อน้ำ จะต้านทานแรงดันนี้ไว้ได้ระดับหนึ่ง หากน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก แรงดันที่เกิดขึ้นจะมากว่าแรงต้านทานที่ฝาหม้อน้ำจะรับได้ แรงดันนี้จะดัน สปริงวาล์ ฝาหม้อน้ำ ให้เปิดออก แล้วน้ำก็จะไหลออกไปทางรูน้ำล้นที่อยู่ด้านข้างของ ปากหม้อน้ำ ซึ่งจะมีสายต่อ ท่อน้ำล้นออกไปสู่ถังน้ำสำรอง (Coolant reserve tank) ในทางกลับกัน ขณะที่อุณหภูมิน้ำลดลง ความดันน้ำใน หม้อน้ำ จะลดลงด้วย ก็จะเกิดภาวะสุญญากาศใน หม้อน้ำ ลดลงด้วย ก็จะเกิดภาวะสุญญากาศใน หม้อน้ำ ทำการดูดน้ำที่อยู่ในถังน้ำสำรองกลับคืนสู่ หม้อน้ำ ดังเดิม

      ข้อสำคัญอยู่ที่ต้องตรวจระดับน้ำใน ระบบหล่อเย็น อย่างน้อยสัปดาห์ละ ครั้งและขณะขับรถต้องหมั่นสังเกตมาตรวัดความร้อนเสมอๆ เท่านั้นเอง



โดย ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ
ขอขอบคุณที่มาภาพและบทความ :  นิตยสาร รถวันนี้

วิธีแก้ไขฉุกเฉิน เวลาเกิดหม้อน้ำรั่วกลางทาง

การแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้น กรณีเกิดหม้อน้ำรั่วกลางทาง หรือรู้สึกเหมือนกับว่าหม้อน้ำรั่ว หรือเห็นความร้อนขึ้นผิดปรกติขณะขับรถ

 
          ผู้ขับขี่ควรเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์เกิดการรั่วที่หม้อน้ำในเบื้องต้น โดยการตรวจเช็คอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะปริมาณน้ำในถังพักน้ำหน้ารถ รวมทั้งสายพาน พัดลมแอร์ พัดลมหม้อน้ำ ท่อยางที่ต่อกับส่วนต่างๆ ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ และ ปั๊มน้ำ หากพบคราบน้ำเขียวๆที่รังผึ้ง หรือรอยรั่วตามจุดต่างๆ ให้จัดการแก้ไขทันที พร้อมตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและถังพักน้ำเป็นประจำ

          สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ควรหมั่นเช็คบ่อยขึ้น ในขณะขับขี่ให้คอยดูหน้าปัดเข็มวัดอุณหภูมิ หากเครื่องยนต์ร้อนจัด เข็ดจะตีขึ้นไปสูงกว่าปรกติ ให้รีบหาที่จอดริมทาง อย่าฝืนขับไป เพราะอาจทำให้เครื่องน็อคได้ แล้วคราวนี้เรื่องจะยาว พอจอดรถเสร็จให้เปิดกระโปรงหน้า และรอเครื่องยนต์เย็นลงสักพัก ห้ามเปิดหม้อน้ำดูโดยเด็ดขาด เพราะเวลาเครื่องร้อนจัดแรงดันน้ำจะเยอะและร้อนอีกด้วย ถ้าเปิดน้ำจะพุ่งขึ้นมาทันที และอาจจะได้อันตรายโดนน้ำร้อนลวกได้ ดังน้ำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอดทนรอให้เครื่องเย็นลงสักพัก จึงดูว่าน้ำในหม้อน้ำหายหรือไม่ ถ้าหายค่อยเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้รถสามารถวิ่งไปอย่างช้าๆได้ก่อน จากนั้นให้นำรถไปเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถหรือร้านซ่อมหม้อน้ำในบริเวณใกล้เคียง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซม

          นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า อุบัติเหตุฉุกเฉินอีกรูปแบบหนึ่งที่มักเกิดกับรถยนต์ คือ หม้อน้ำแห้งจนทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ส่งผลให้เครื่องยนต์น็อคและควบคุมรถลำบาก อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อความปลอดภัย ขอแนะวิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีหม้อน้ำรั่วและหม้อน้ำแห้ง ดังนี้

          1.  ก่อน ขับขี่ หมั่นตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น สายพานไม่หย่อนหรือตึงเกินไป พัดลมระบายความร้อนไม่บิดงอหรือแตกหัก และยังทำงานได้อยู่(หมายความว่าระบบไฟไม่มีปัญหาเวลาเครื่องร้อนแล้วพัดลมยังทำงานอยู่) หากพบรอยรั่วตามจุดต่างๆ เช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้งหม้อน้ำ ปั้มน้ำ ให้รีบแก้ไขโดยด่วนอย่าปล่อยไว้ พร้อมกับเตรียมน้ำเปล่าใส่ขวดไว้ในรถ เป็นขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรทั่งไปก็ได้ สักขวดสองขวด ไว้ในรถ หากเกิดเหตุการณ์หม้อน้ำรั่วจนทำให้หม้อน้ำแห้งจะได้มีน้ำไว้เติมใส่หม้อน้ำได้

          2.  หมั่นคอยตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ โดยการเปิดดูที่ถังพักน้ำก็ได้สำหรับรถที่ไม่มปากเติมน้ำ หรือต่อให้มีก็เช็คที่ถังพักน้ำก่อนได้ให้มีน้ำอยู่ในระดับที่มีการกำหนดไว้ รถใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ควรตรวจสอบ 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้เติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4 - 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปกรกตกค้างจนหม้อน้ำเกิดการอุดตัน และไม่สามารถระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ไม่เติมน้ำเกินขีดที่กำหนด เพราะเมื่อน้ำเดือด หม้อน้ำจะเกิดการขยายตัว ทำให้หม้อน้ำแตกได้ และในกรณีที่เป็นหม้อน้ำทองแดงอย่าลืมเติมน้ำยาเคลือบกันสนิมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของหม้อน้ำออกไปอีก

          3.  ขณะขับขี่ หมั่นสังเกตุที่หน้าปัด ว่าความร้อนอยู่ในระดับปรกติที่เป็นหรือไม่ ซึ่งอาการเครื่องยนต์ร้อนจัด เข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดจะแสดงให้เห็นชัดเจน มันจะขยับขึ้นสูงมาก หากเข็มวัดเลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์กำลังร้อนจัด ให้รีบนำรถจอดเข้าข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัยทันที แล้วเปิดฝากระโปรงหน้าไว้ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องได้เร็วขึ้น ก่อนดำเนินการแก้ไข

          4.  วิธีแก้ไขกรณีหม้อน้ำรั่วจนทำให้หม้อน้ำแห้งในเบื้องต้น เมื่อจอดเสร็จแล้ว ให้รีบเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องให้เร็วขึ้นจะได้ไม่ต้องรอนาน จากนั้นให้รอจนเครื่องยนต์เย็นลง จึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำ โดยใช้ผ้าช่วยจับเพราะอาจจะยังร้อนอยู่บ้าง หรือสวมถุงมือถ้ามีอยู่ อย่าเอาหน้าเราเข้าไปใกล้หม้อน้ำ เพราะแรงดันน้ำในหม้อน้ำ ที่น้ำยังอาจจะร้อนอยู่นั้น อาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้าเราจนได้รับบาดเจ็บได้ ให้เติมน้ำทีละน้อยๆอย่างช้าๆ โดยทิ้งช่วงเวลาห่างกัน 5 นาที ในเวลาเดียวกันคอยสังเกตุดูระดับน้ำในหม้อน้ำ หากน้ำที่เติมลงไปแล้วไม่เต็กสักทีแถมมองไปใต้รถมีน้ำไหลไหลรั่วออกมาหมด สันนิฐานได้ก่อนเลยว่า หม้อน้ำแตก ให้แจ้งอู่ซ่อมรถได้เลย เพราะเราคงจะทำอะไรเองไม่ได้แล้ว ให้อู่มาลากรถไปแก้ไขต่อไป แต่ถ้าน้ำรั่วซึมเพียงเล็กน้อย ก็ยังสามารถขับรถต่อไปได้แต่อย่าขับเร็ว ให้หมั่นสังเกตเข็มวัดอุณหภูมิบนหน้าปัดรถ และเมื่อความร้อนขึ้นสูงให้หยุดรถเป็นระยะๆ แล้วทำแบบเดิมๆ จนกว่าถึงจุดหมายปลายทางและนำรถไปซ่อมหม้อน้ำ หรือแก้ไขต่อไป

 
ที่มาบางส่วน : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

หม้อน้ำทองแดง กับ หม้อน้ำอลูมิเนียม อันไหนดีกว่ากัน?

ความจริงที่หลายๆท่านยังเข้าใจผิดอยู่ หรือยังไม่รู้ คือ หม้อน้ำอลูมิเนียมระบายความร้อนได้ดีกว่าหม้อน้ำทองแดง ตามความเป็นจริงแล้วนั้น

ผลทางวิทยาศาสตร์ ทองแดงสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าอลูมิเนียม



หม้อน้ำทองแดง ทองเหลือง
หม้อน้ำทองแดง ทองเหลือง และรังผึ้งหม้อน้ำทองแดง


และสาเหตุหลักๆที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ หลังๆนี้หันมาใช้หม้อน้ำอลูมิเนียม ก็เพราะว่าหม้อน้ำอลูมิเนียมต้นทุนต่ำกว่าแต่ขายได้ราคากว่า ดังนั้นได้ทั้งลดต้นทุนด้วย กำไรเยอะขึ้นด้วย

แถมอีกอย่างที่สำคัญคือ หม้อน้ำอลูมิเนียม เปราะบางกว่าหม้อน้ำทองแดงเยอะ และอีกอย่างทองแดงมีความคงทนสูงต่อการกัดกร่อนและมีความแข็งแรงกว่า ซึ่งใช้ไปไม่นานก็ต้องเปลี่ยน ทำให้สามารถขายอะไหล่ได้อีก จึงทำให้บริษัทรถยนต์ไม่นิยมใช้เพราะจะขายอะไหล่หม้อน้ำได้ไม่ค่อยดี เพราะหม้อน้ำเป็นเหมือนหัวใจของรถที่ขาดไม่ได้เลย ลองดูกันให้ดีๆ รถรุ่นที่ออกใหม่ๆ หม้อน้ำส่วนหัวกับก้นจะเป็นพลาสติกสีดำ กับรังผึ้งอลูมิเนียมเสียส่วนใหญ่ หรือแถบจะ 100% แล้วก็ว่าได้

แล้วถ้าเกิดหม้อน้ำอลูมิเนียมแบบรุ่นใหม่ๆรั่ว จะซ่อมไม่ได้ต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว ถ้าออกจากห้างราคาคงไม่ต่ำกว่า 6 พันแน่นอน แต่ข้อดีของอลูมิเนียมคือเบา ทำให้รถเบาขึ้น ดูดี มีระดับ

แต่ถ้าอยากได้แบบทนๆ ทนการกัดกร่อนได้ดี และซ่อมได้เวลามีปัญหา เพิ่มช่องได้เวลาถ้าไปลงเครื่องใหม่แล้วเกิดเครื่องร้อน ก็เพิ่มให้เป็น 2 ช่อง 3 ช่องได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้านหน้าว่าเหลือด้วยรึเปล่าด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าอยากได้หม้อน้ำอลูมิเนียมด้วย แล้วก็อยากให้มันซ่อมได้ด้วยเวลามีปัญหา ก็ต้องไปหาที่มันเป็นอลูมิเนียมทั้งใบ ทั้งตัวรังผึ้งหม้อน้ำ แล้วก็ ตัวหัวกับก้นหม้อน้ำ เป็นอลูมิเนียมด้วย ก็ยังพอมีโอกาสซ่อมได้บ้าง เป็นกรณีๆไป



หม้อน้ำอลูมิเนียมทั้งใบ
หม้อน้ำ อลูมิเนียม แต่อันนี้เป็นแบบอลูมิเนียมทั้งใบ
โดย ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ





ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ Gear Oil cooler จำเป็นมั้ย?

ออยล์คูลเลอร์ เป็นเหมือนเพื่อนยากของหม้อน้ำก็ว่าได้ ถ้ายิ่งเราสามารถลดความร้อนให้กับห้องเครื่องได้ดี การขับขี่ก็ราบรื่นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการติดตั้งออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ จะช่วยลดความร้อนของน้ำมันเกียร์ และทำให้อายุการใช้งานของชุดเกียร์อยู่กับเราไปได้นานยิ่งขึ้น

หน้าตาของออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ที่มีผลิตอยู่ จะเป็นประมาณด้านล่างนี้ ซึ่งนำไปติดกับรถรุ่นไหนก็ได้ ยี่ห้ออะไรก็ไม่มีปัญหา

ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์
CPS GEAR OIL COOLER - ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์

เขียนโดย ธวัช สุธิรังกูร

หม้อน้ำ CBR หาสั่งทำได้ที่ไหน

หม้อน้ำรถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า CBR นั้นปรกติจะเป็นงานที่หลายๆท่านมีปัญหาเวลาต้องการใบใหม่มาแทนที่ หรือ ต้องการหาซื้อที่เป็นใบใหม่จริงๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเจอแบบย้อมแมวมา และอีกอย่างจะเป็นหม้อน้ำลักษณะเป็นการเชื่อมในเตาอบมา ดูแล้วไม่ค่อยแมนเหมือนกับหม้อน้ำที่มีรอยเชื่อมอากอน ซึ่งทำให้ตัวหน้ารถดูเป็นเหมือนรถแข่งมากขึ้น อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่าน บางท่านก็ต้องการแบบที่เหมือนติดรถมาหรือต้องการแบบ ราคาถูก หรือ บางท่านก็เน้นงานคุณภาพ

ส่วนพี่ๆที่ผมรู้จักรแล้วนำหม้อน้ำ CBR มาให้ทางบริษัท ชลประสิทธิ์ ผลิตให้ เป็นงานสั่งทำ ก็ส่วนใหญ่จะนำตัวหม้อน้ำเก่ามา ซึ่งบางใบก็ชนมา โดนใบพัดมาบ้าง หม้อน้ำรั่วใต้จานบ้าง แท๊งค์บวม แท๊งค์ผุ และอีกหลายอาการ ทางบริษัทจะดูสภาพงาน ถ้าเป็นใบใหม่ ก็สามารถแค่เปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำใบใหม่ แล้วก็เชื่อมแท๊งค์เดิม โดยการเชื่อมอากอน กลับเข้าไปที่เดิม ก็เป็นอันจบเหมือนได้หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ CBR ใบใหม่เลย หรือในกรณีที่หม้อน้ำเก่ามากแล้ว ก็จะแนะนำให้ทำใหม่ทั้งใบจะง่ายกว่า แล้วงานออกมาก็งามเหมือนกัน

ก็ท่านใดสนใจ หรือติดปัญหา หาที่ทำไม่ได้ หรือ หาซื้อไม่ได้ ก็ขอเชิญมานั่งคุยที่ร้านกันก่อนได้

หรือโทรสอบถามได้ที่ 038 272 646


วิธีดูรถมือสองหลังน้ำท่วม


รถมือสองหลังน้ำท่วม

ก่อนที่จะเข้าเรื่องการดูรถมือสองหลังน้ำท่วมก็ขอท้าวความจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วกันก่อน

ในช่วงที่ผ่านมานั้นทั่วโลกรวมถึงเมืองไทย เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ อย่างหนึ่งที่โดนกันแทบทุกปี ไม่เลือกว่าเป็นต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ ก็คือน้ำท่วม อย่างเด็กๆ ก็คือระบายน้ำไม่ทัน ท่วมขังกันอยู่เป็นหย่อมๆกันอยู่สักพัก ยิ่งในกรุงเทพฯพอน้ำท่วมก็จะตามมาด้วยการจราจรที่เป็นอัมพาตแล้วน้ำที่ท่วมอยู่มันก็จะหายท่วมไป หนักขึ้นมาหน่อยมักเกิดในต่างจังหวัด ยิ่งในภาคที่มีป่าไม้ หรือภูเขาสูงเยอะๆ คือ น้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เสียหายกันทั้งชีวิต ไร่นา สัตว์เลี้ยง และทรัพย์สินมากมาย

ปี2554 เมืองไทยก็มีข่าวน้ำท่วมให้ เห็นกันค่อนข้างหนาตา ในภาพข่าวบางทีก็จะเห็นรถลอยไปตามน้ำบ้าง หรือบางคันก็จมน้ำท่วมซะเกือบมิด โผล่มาแค่หลังคา เลยทำให้เกิดเป็นคำถามว่า...หลังจากน้ำลดระดับลงแล้ว รถหลังน้ำท่วมเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่ารถมือสองที่กำลังจะซื้อนั้นไม่ได้เป็นหนึ่งในรถที่โดนน้ำท่วมมา?

คำตอบ ส่วนหนึ่งเจ้าของรถน้ำท่วมพวกนั้นซ่อมแซมบูรณะมันไว้ใช้งานต่อ แต่ก็มีรถที่ถูกน้ำท่วมจำนวนไม่น้อยที่ แปรสภาพไปเป็น ‘รถมือสอง’ และ ‘กระจายไปตามเต็นท์รถต่างๆทั่วประเทศ’ โดยเฉพาะในจังหวัดใกล้เคียงพื้นที่ๆถูกน้ำท่วมขัง ทำให้ผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสองมีโอกาสเจอรถมือสองที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งอาจมีปัญหาจุกจิกกวนใจตามมาแบบไม่รู้จบอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่รู้จะไปโวยวายกับใครด้วย

คงเป็นเรื่องลำบากที่จะระบุชี้ชัดถึงความเสียหายของรถที่ถูกน้ำท่วม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน้ำนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับระบบหลักๆของรถ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้รถคันนั้นๆมีปัญหาโน่นนี่ไปตลอดอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ เช่น ระบบอิเล็กทรอนิกส์ลัดวงจร, ระบบหล่อลื่นมีการปนเปื้อน และระบบกลไกต่างๆขัดข้อง ซึ่งสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่สามารถสังเกตจากภายนอกได้ บางอาการที่ทุกท่านน่าจะพอทราบคือ สนิม ซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่ามันจะเริ่มแสดงกายออกมาให้เราเจ็บใจ

เมื่อพูดถึงรถที่หลังจาก แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ หนึ่งในปัญหาหลักที่มักเกิดขึ้นคือ ‘เชื้อรา’ โดยเฉพาะที่ๆมันชอบ เช่น เบาะและพื้นพรม จะเริ่มเผยโฉมหน้าเมื่อเริ่มจะแห้งหมาดๆ สิ่งที่มาพร้อมเชื้อรา คือ กลิ่นเหม็นอับ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์นี้ออกไปให้หมดอย่างหมดจด

ที่สำคัญ น้ำท่วมนับเป็นภัยธรรมชาติที่ ‘กรมธรรม์ประกันรถ ยกเว้นไว้ ไม่คุ้มครอง’ เจ้าของต้องรับภาระค่าซ่อมแซมเอง พอซ่อมเสร็จแล้วก็ไม่ค่อยได้ดี จึงตัดสินใจขายเป็นรถมือสองกันซะส่วนใหญ่

ผู้ที่กำลังหาซื้อรถมือสอง เมื่อรู้เรื่องราวต่างๆ อย่างนี้แล้ว ก็ต้องหา วิธีดูรถมือสองที่ถูกน้ำท่วมเพื่อแก้ทางกัน ซึ่งมีวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

• เปิดดูใต้พรมว่ามีรอยเปียกชื้นหรือขี้โคลนหรือไม่ ดูดีๆไม่ต้องรีบ
• ตรวจสอบหัวนอตยึดเบาะว่ามีร่องรอยถูกถอดหรือไม่ เพราะถ้าจะทำความสะอาดหรือทำให้พรมแห้ง ต้องถอดเบาะออก สังเกตดูถ้ามันดูใหม่ผิดปรกติ ก็สันนิฐานกันไว้ก่อนได้เลยว่ากำลังเจอของดี รึเปล่า?
• ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างทั้งคน รวมทั้งหลอดไฟและโคมไฟทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งถ้าเป็นรถหลังน้ำท่วมอาจมีคราบน้ำอยู่ภายในบริเวณเลนส์หรือจานฉาย
• ให้ความสนใจเป็นพิเศษในจุดที่ ‘ยากต่อการทำความสะอาด’ เช่น ผนังห้องเครื่อง อาจมีคราบน้ำโคลนหรือเศษทรายติดอยู่
• สำรวจหาโคลนหรือฝุ่นทรายในที่เท้าแขน หรือตามซอกแผงหน้าปัด หรือในซอกเล็กซอกน้อยที่ทำความสะอาดได้ยากในจุดอับที่น้ำระเหยได้ช้า อาจเห็นคราบน้ำติดอยู่
• สังเกตหัวนอตยึดต่างๆ ว่าไม่ได้ผ่านการทำสีใหม่ ไม่มีรอยถลอกหรือรอยเยินจากการถอด-ใส่ ที่สำคัญต้องไม่มีคราบสนิมเกาะ
• ตรวจสอบจุกพลาสติกสำหรับระบายน้ำ บริเวณด้านล่างของบานประตู ถ้าพบว่ามีร่องรอยการถอด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า...รถคันนี้อาจถูกน้ำท่วมมาแล้ว และถ้าไม่เกรงใจพนักงานขาย ก็ให้ถอดแผงประตูออก ถ้าเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมมาจริงๆ ก็จะเห็นร่องรอยได้ชัดขึ้น อันนี้ต้องอาศัยความกล้าของเรานิดนึง เพื่อความไม่ประมาท

ถ้า ไม่รีบ ร้อนใช้รถจริงๆ ควรรอให้พ้นช่วงน้ำท่วมไปสักระยะ ให้รถน้ำท่วมหมดไปจากตลาดรถมือสองเสียก่อน ระหว่างรอก็ทบทวนบทความนี้ไปพลางๆ เมื่อถึงเวลาก็ไปเดินเลือกซื้อรถมือสองได้อย่างมั่นใจ ซื้อรถมาแล้วก็อย่าลืมภาวนา ‘ขอให้น้ำอย่าท่วมอีกเลย’

บทความดีๆจาก Thaidriver Online Magazine   www.thaidriver.com

หม้อน้ำคืออะไร มีไว้ทำอะไร

หม้อน้ำคืออะไร?

   หม้อน้ำคือตัวแลกเปลี่ยนความร้อน ใช้ในการระบายพลังงานความร้อนจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง เพื่อจะทำช่วยในการทำให้ระบบเย็นลง หรือ ร้อนขึ้น แล้วแต่ระบบนั้นๆจะใช้งาน หลักๆแล้วหม้อน้ำจะใช้กับ
  1. อุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น หม้อน้ำด้านหน้ารถยนต์ รถบบรทุก รถประจำทาง รถมอเตอร์ไซค์ 
  2. ตัวอาคาร เช่นการใช้งานในส่วนของเครื่องปั่นไฟ ซึ่งแล้วแต่ตัวขนาดอาคารว่าเล็กหรือใหญ่ และจะใช้ขนาดของเครื่องปั่นไฟที่แตกต่างกันไป หรือ ในกรณีที่ต่างประเทศ หม้อน้ำจะใช้ในการทำความร้อนให้กับตัวอาคาร ในช่วงฤดูหนาว
  3. ระบบอีเลคทรอนิค เช่น หม้อน้ำในระบบระบายความร้อนของน้ำจากหัวเครื่องเชื่อม หรือการระบายความร้อนในระบบอีเลคทรอนิค ที่มีการใช้การประมวลผลมากๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนมาก และการใช้แค่อากาศนั้นไม่เพียงพอสำหรับการทำความเย็นให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยกับตัวระบบ จึงต้องน้ำหม้อน้ำและปั้มน้ำเข้ามาช่วยในการระบายความร้อนของระบบ

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ CPS
ตัวอย่างหม้อน้ำที่ติดอยู่ด้านหน้ารถมอเตอร์ไซค์
หม้อน้ำขนาดใหญ่ สำหรับเครื่องปั่นไฟ CPS
หม้อน้ำสำหรับเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่


หม้อน้ำนั้นส่วนหนึ่งของการระบายความร้อน หรือทำความร้อนในสภาพแวดล้อมที่มันอยู่ ในที่นี้หมายถึงการใช้หม้อน้ำในการช่วยทำให้สภาพแวดล้อมนั้นๆ ร้อนขึ้น หรือการทำให้ของเหลวหรือน้ำยาทำความเย็นที่อยู่ในตัวมัน เย็นลง เพื่อจะทำการระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ตามชื่อมันแล้วในภาษาอังกฤษนั้น หม้อน้ำ หรือ radiator มันกับไม่ได้ทำงานตรงกับชื่อมันคือการไม่ได้ใช้หลัการแผ่รังสี (Radiation) แต่มันเป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนด้วยการสัมผัส (convection) ในที่นี้อาจจะหมายถึงการที่หม้อน้ำสัมผัสน้ำภายใน และระบายความร้อนออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอก ซึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนความร้อนชนิดหนึ่งเหมือนกัน

ระบบการทำความร้อนหรือระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำนั้น ถูกคิดค้นโดย Franz San Galli ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวรัสเซียที่เกิดในโปแลนด์ อาศัยอยู่ที่ เซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก ในช่วงปี 1855 และ 1857

ด้านบนนี้เป็นข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับหม้อน้ำ เพื่อให้ทุกท่านได้รับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ท่านได้ WOW ว้าว ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งของเนื้อหานะครับ


เขียนโดย ธวัช สุธิรังกูร