Showing posts with label แอร์ไม่เย็น. Show all posts
Showing posts with label แอร์ไม่เย็น. Show all posts

แอร์รถมีกลิ่นแปลกๆ มีควันออกมา แอร์ไม่ค่อยเย็น เป็นอะไร แก้ยังไง

อาการแอร์รถมีกลิ่นแปลกๆ มีควันออกมา แอร์ไม่ค่อยเย็น น่าจะเป็นอะไร แก้ยังไง

แอร์รถมีกลิ่นแปลกๆ มีควันออกมา แอร์ไม่ค่อยเย็น เป็นอะไร แก้ยังไง
แอร์รถมีกลิ่นแปลกๆ มีควันออกมา แอร์ไม่ค่อยเย็น เป็นอะไร แก้ยังไง



มีกลิ่นแปลกๆออกมาจากแอร์ เป็นอะไร แก้ยังไง

สำหรับสิ่งแรกคือกลิ่นที่ออกมาจากแอร์ ถ้าปรกติเราขึ้นรถ กลิ่นที่เรามักจะได้กลิ่นตอนสตาร์ทเครื่องและเปิดแอร์ ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นแค่กลิ่น ชื้นๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรถที่ใช้ไปแล้วสักพัก ทุกครั้งที่เราหยุดรถ เรามักจะดับเครื่องเลย จำทำให้ความชื้นที่เกิดขึ้นจากความชื้นภายในห้องโดยสารไปเกาะอยู่ตรงคอยล์เย็น ที่ด้านในคอยล์มีน้ำยาแอร์ ซึ่งมีอุญหภูมิ ต่ำมาก วิ่งอยู่ภายใน แล้วเกิดเป็นไอน้ำเกาะอยู่ตามแผงคอยล์เย็น ซึ่งเมื่อจอดรถไว้นาน รวมถึงมีฝุ่นละอองมาติดตามหน้าแผง ก็จะทำให้เกิดกลิ่นชื้นๆ ได้ ซึ่งเพียงแค่เปิดแอร์แรงๆ สักพักกลิ่นก็จะหายไป หรือดีขึ้น แต่สำหรับกลิ่นแปลกๆ ที่ว่านี้ มันจะแตกต่างจากกลิ่นชื้น ซึ่งมันจะได้กลิ่นเหมือนน้ำยาแอร์ ออกมาจากช่องแอร์ ซึ่งสันนิฐานเบื้องต้นได้ก่อนเลยว่า แผงคอยล์เย็น อาจจะรั่ว สามารถนำรถของท่างไปให้ร้านแอร์ใกล้บ้านเช็คดูก่อนได้

ควันออกมากจากแอร์ เป็นอะไร แก้ยังไง


เรื่องที่สองควันที่ออกมาจากแอร์ จะมีด้วยกันสองประเภทเช่นกัน อันแรกคือเป็นไอเย็น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อความเย็นจัดปะทะความร้อนชื้นภายในห้องโดยสารของรถ ซึ่งจะไม่มีกลิ่นแต่จะสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ออกมาจากช่องแอร์ ส่วนสำหรับประเภทที่สอง คือจะคล้ายๆกับไอเย็น แต่จะมีกลิ่นตามมาด้วย และมันมักจะมาเป็นระรอกๆ จะสังเกตได้อีกอย่างคือเสียงแอร์จะเหมือนมันฉีดน้ำยาแอร์เข้าสู่แผงแอร์ พอเสียงมาสักพัก ก็จะมีควันขาวๆออกมาจากช่องแอร์ อาการนี้ก็สันนิฐานได้เช่นกันว่า ตู้แอร์ หรือ แผงคอยล์เย็นรั่ว นำรถเข้าร้านแอร์เพื่อเช็ค หรือ เพื่อเปลี่ยนได้ หรือ ถ้าใครถนัดเข้าศูนย์ ก็เข้าศูนย์ได้ครับ เอาที่เราสบายใจครับ ราคาอาจจะต่างกันนิดนึง แต่ใช้งาน และอายุการใช้งาน ใช้ได้ไม่ต่างกันครับ


แอร์ไม่ค่อยเย็น เป็นอะไร แก้ยังไง

อาการแอร์ไม่ค่อยเย็นนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งนี้เราสามารถเช็คจากเบื้องต้นก่อน ก่อนจะไปเสียตังได้

1. ถ้าเป็นรถเก่า ถึงเก่ามาก อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา ที่ระบบแอร์มักจะทำความเย็นไม่ได้ดีเท่ารถใหม่ๆ เพราะ คอมแอร์อาจจะหลวมแล้ว แผงคอยล์ร้อนหน้ารถเก่ามากจนคลีบระบายความร้อนมันกรอบ และไม่มีประสิทธิภาพในการดึงความร้อนออกจากแผง และส่วนคอยล์เย็นด้านในรถก็เก่า และฝุ่นอาจเกาะเยอะแล้ว วิธีแก้ไข ก็คงได้แค่เป่าล้างคอยล์ร้อน หรือเปลี่ยนคอยล์ร้อน เพื่อให้มันระบายความร้อนได้ดีขึ้น และเช็คคอมแอร์ว่าสภาพเป็นอย่างไร แก้ไขได้มั้ย สำคัญถ้าสามารถติดฟิล์มกระจกรถเพิ่มความเข้มขึ้นได้ ก็จะช่วยได้อีกทาง

2. ถ้าเกิดขึ้นกับรถที่อายุยังไม่มากนั้น แอร์ไม่เย็นก็อาจเกิดจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อด้านบน สองข้อ เรื่องมีควันและมีกลิ่น ซึ่งเกิดจากการรั่วซึมของคอยล์เย็น หรือตามร้านมักจะบอกว่าตู้แอร์รั่ว ซึ่งสิ่งที่เขาจะเปลี่ยนให้จะเป็นคอยล์เย็นด้านใน ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแล้วหายก็จบไป แต่ถ้ายังไม่หาย ดูข้อสามด้านล่างนี้


3. สาเหตุดังต่อไปนี้ กระผมประสบเอง คือ ระบบแอร์เราดีหมด เช็คร้านแอร์ ก็แล้ว ล้างแผงคอยล์ร้อนหน้ารถ ก็แล้ว แต่ทำไมแอร์มันยังไม่เย็น รถก็ไม่ได้เก่ามาก ยิ่งรถติด หรือ เร่งเครื่องแรงๆ แอร์ยิ่งร้อน สุดท้ายมาพบว่า หม้อน้ำรั่ว ก็เลยถึงบางอ้อ เลยจัดการผลิตหม้อน้ำใหม่ ใส่เข้าไปแทนที่ ก็ทำให้รถกลับมาเย็นเหมือนเดิม

ผลิตหม้อน้ำทองแดง
ตัวอย่างหม้อน้ำ ที่เปลี่ยนจากหม้อน้ำอลูมิเนียมเป็นหม้อน้ำทองแดง


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์ตรงของผมจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ

ขอบคุณครับ

ธวัช (ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ, CPS)



รถแอร์ไม่เย็น ทำไงดี และ วิธีป้องกัน

รถแอร์ไม่เย็น ทำไงดี และ วิธีป้องกัน

ช่วงนี้หน้าร้อนแล้ว และก็ร้อนมากๆด้วย ดังนั้นวันนี้อยากจะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องร้อนๆ บนรถมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน


แอร์เย็นๆ หน้าร้อน
ป้องกันปัญหา แอร์ไม่เย็น ช่วงหน้าร้อนนี้

 - เมื่อเปิดแอร์ หรือเครื่องยังเย็นอยู่ไม่ควรเปิดแอร์จนสุด เพราะควรให้คอมแอร์ได้วอร์มสักพักก่อนซัก 5 นาที ควรสตาร์ตเครื่องยนต์และให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงาน พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำทำงานก่อน จึงเปิดสวิตช์ระบบปรับอากาศ

     - ไม่ตั้งอุณหภูมิให้เย็นเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา
     - เปิดสวิตช์พัดลมก่อนแล้วจึงกดสวิตช์ระบบปรับอากาศ (A/C) เปิดไปที่ความเร็วพัดลมสูงสุดระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงลดลงไปยังความเร็วน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น


ปุ่ม A/C
ตัวอย่าางปุ่ม A/C

     - หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม หรือสเปรย์ปรับอากาศ เพราะไอระเหยของสารเคมีจะถูกดูดเข้าไปสะสมตัวที่ครีบเล็กๆ ของคอยล์เย็น สารเหล่านี้มีคุณสมบัติดูดความชื้น ทำให้ฝุ่นผงจับตัวที่ครีบระบายความเย็น ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนจะลดลง คอมเพรสเซอร์จะทำงานมากขึ้น ให้ศูนย์บริการทำความสะอาดคอยล์เย็นเป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกว่าประสิทธิภาพในการทำความเย็นของระบบปรับอากาศลดลง
     - ไม่ควรนำน้ำหอมชนิดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบไปเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์ผุกร่อนเร็วขึ้น
     - ก่อนถึงจุดหมายปลายทางประมาณ 15 นาที ปิดสวิตช์ระบบปรับอากาศ (A/C) เปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุด เพื่อลดการทำงานคอมเพรสเซอร์และไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น
     - เมื่อนำรถจอดตากแดดเป็นเวลานานๆ ก่อนใช้รถควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด (ปิดสวิตช์ A/C) เพื่อไล่ความร้อนที่มีอยู่ในระบบแอร์ออกเสียก่อน แล้วจึงค่อยเปิดน้ำยาแอร์ (เปิดสวิตช์ A/C)
     - ก่อนจอดรถทิ้งไว้นานๆ เช่น จอดข้ามคืน ควรเปิดลมเปล่าให้แรงสุด (ปิดสวิตช์ A/C) ประมาณ 5 นาที เพื่อไล่ความชื้น ไล่น้ำ ที่ค้างอยู่ในตู้แอร์ออกก่อน เพราะตู้แอร์ทำจากอะลูมิเนียมจะเกิดการผุกร่อนได้ง่าย และจะทำให้ตู้แอร์ลดการเหม็นอับอีกด้วย
     - จงจำไว้ว่า ระบบแอร์เป็นระบบปิด ดังนั้น เมื่อรถต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ แสดงว่าเกิดการรั่วของระบบแอร์แล้ว
     - ไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อย เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอกเข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น
     - เมื่อแอร์ไม่เย็น (กรณีเปิดน้ำยาแอร์แล้ว เปิดสวิตช์ A/C แล้ว) แต่ยังไม่เย็น ให้รีบปิดน้ำยาแอร์หรือสวิตช์ A/C ทันที เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าเกิดการรั่วในระบบ น้ำยาแอร์และน้ำมันคอมเพรสเซอร์จะมีน้อยมากในระบบ จะทำให้คอมเพรสเซอร์พังมากขึ้นกว่าเดิม และควรนำรถไปเช็กให้เร็วที่สุด แต่กรณีนี้ใช้ลมเปล่าก่อนก็ได้
     - ควรล้างตู้แอร์ทุกๆ 2 ปี หรือถ้าใครเปิดกระจกขับรถบ่อย ให้ล้างทุกปี หรือตามเห็นสมควร
     - เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องเปิดกระจกขับรถ ควรปิดช่องแอร์บริเวณคอนโซลหรือจุดที่แอร์ออกให้หมดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์น้อยที่สุด

     ขอบคุณบทความดีๆ จาก: นสพ.มติชน