น้ำมันไฮดรอลิก \ Hydraulic Oil




น้ำมันไฮดรอลิก

น้ำมันไฮดรอลิก (Hydraulic Oil) ระบบ ไฮดรอลิกเป็นระบบที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางในโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทุก ประเภท รวมทั้งในงานก่อสร้าง เช่น เครื่องอัดขึ้นรูป เครื่องพับม้วนและตัดแผ่นเหล็ก เครื่องกลึงและเจียระไน เครื่องฉีดพลาสติกและอลูมิเนียม รถตัก รถยก รถขุด ปั้นจั่น และรถแทรกเตอร์ต่างๆ เป็นต้น ระบบนี้จะใช้น้ำมันไฮดรอลิกเป็นสารตัวกลางในการถ่ายทอดหรือเปลี่ยนแปลง พลังงานของของไหลให้เป็นพลังงานกลได้ดีมาก ทั้งในรูปของการเคลื่อนที่ในแนวเชิงเส้นหรือในแนวหมุนเมื่อเปรียบเทียบกับ ระบบอื่นๆ เช่น สามารถหยุดชะงักเมื่อมีการรับโอเวอร์โหลดนานทำงานในลักษณะที่มีโหลดเปลี่ยน แปลง หรืองานที่ต้องการแรงม้ามากๆได้ดี ง่ายต่อการควบคุม และสามารถปรับเปลี่ยนความเร็วของกระบอกสูบหรือมอเตอร์ไฮดรอลิกได้ง่ายและได้ ทุกระดับ เป็นต้น ระบบนี้จะประกอบด้วยส่วนประกอบและอุปกรณ์พื้นฐาน 7 อย่างคือ

 1. ถังพักน้ำมันไฮดรอลิก ทำหน้าที่เก็บน้ำมัน ปรับสภาพน้ำมันให้สะอาดและมีอุณหภูมิพอเหมาะ
ถังน้ำมันไฮดรอลิค
ถังน้ำมันไฮดรอลิค


 2.  ออยล์คูลเลอร์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำมันในถังพัก เพื่อให้อยู่ในอุญหภูมิที่เหมาะสมกับการใช้งาน มีทั้งที่มีพัดลม กับ สามารถใช้ลมรอบๆตัวเป็นตัวช่วยดึงความร้อนออกจากตัวออยล์คูลเลอร์
ไฮดรอลิค ออยล์คูลเลอร์
ไฮดรอลิค ออยล์คูลเลอร์ / Hydraulic Oil cooler

3. ปั๊มไฮดรอลิก ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานของของไหล
4. วาล์วควบคุมชนิดต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ควบคุมความดัน ทิศทางการไหล และปริมษรการไหลของน้ำมันไฮดรอลิกในระบบ
5. อุปกรณ์ทำงาน ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานของของไหลให้เป็นพลังงานกล เช่น กระบอกสูบหรือมอเตอร์ไฮดรอลิก
ถังน้ำมันไฮดรอลิค
กระบอกไฮดรอลิค

6. ท่อทางไฮดรอลิก ทำหน้าที่เป็นทางไหลของน้ำมันไฮดรอลิกในระบบ
7. น้ำมันไฮดรอลิก
น้ำมัน ไฮดรอลิกถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของระบบ ถ้าเลือกใช้น้ำมันไฮดรอลิกผิดประเภทหรือไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์ในระบบตามที่ บริษัทผู้ผลิตกำหนดก็อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้และถึงแม้ว่าเราจะเลือใช้ชนิด ของน้ำมันไฮดรอลิกได้อย่างถูกต้องแล้วก็ตาม ในขณะใช้งานก็ยังต้องดูแลบำรุงรักาน้ำมันไฮดรอลิกให้อยู่ในสภาพดี คือสะอาด มีอุณหภูมิพอเหมาะ และเปลี่ยนใหม่เมื่อถึงอายุการใช้งาน รวมทั้งควรตรวจสอบให้มีน้ำมันไฮดรอลิกอยู่ในระดับที่พอเพียงสำหรับการใช้งาน ในระบบอย่างสม่ำเสมอ ระบบจงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันไฮดรอลิกเป็นหัวใจของระบบไฮดรอลิก ทำหน้าที่หลักๆ 4 ประการคือ
        1. การ ส่งผ่านกำลัง น้ำมันไฮดรอลิกจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังงานจากจุดหนึ่งไปสู่ อีกจุดหนึ่งในระบบ เพื่อเปลี่ยนแปลงกำลังงานของของไหลให้เป็นกำลังงานกลโดยไม่เกิดความต้านทาน การไหลในระบที่มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียกำลังงานมาก และน้ำมันไฮดรอลิกจะต้องไม่ยุบตัวตามความดันมากเกินไปในขณะทำงาน
        2. การ หล่อลื่น น้ำมันไฮดรอลิกจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวช่วยหล่อลื่นและลดแรงเสียดทานระหว่าง ชิ้นส่วนต่างๆ ที่สัมผัสกัน เช่น ฟิล์มของน้ำมันไฮดรอลิกช่วยหล่อลื่นและลดการเสียดสีของผิวสัมผัสระหว่างแกน วาล์วกับผนังภายในตัววาล์ว แผ่นฟิล์มน้ำมันดังกล่าวจะต้องมีความข้นใสพอเหมาะที่จะแทรกซึมเข้าไปใน รเล็กๆ และบริเวณรอยต่อของชิ้นส่วนภายในอุปกรณ์ได้ และสามารถรบน้ำหนักของชิ้นส่วนที่กดทับกันหรือรับแรงกดได้มากนั่นเอง นอกจากนี้ยังต้องมีคุณสมบัติในการลื่นไหลที่ดีด้วย เพื่อช่วยให้การเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบเคลื่อนที่ไปได้อย่างคล่องตัว
        3. การ ซีล น้ำมันไฮดรอลิกจะทำหน้าที่เป็นซีลป้องกันการรั่วซึมภายในให้เกิดน้อยที่สุด เมื่อมีความดันเกิดขึ้นในระบบ เนื่องจากอุปกรณ์ในระบบไฮดรอลิกส่วนมากจะออกแบบให้มีการซีลแบบโลหะต่อโลหะ (Metal to Metal หรือ Metal Seal) และการทำหน้าเป็นตัวซีลนี้จะขึ้นอยู่กับความข้นใสของน้ำมันไฮดรอลิกแต่ละชนิดด้วย
        4. การ ระบายความร้อน น้ำมันไฮดรอลิกจะช่วยระบายความร้อนของระบบโดยการไหลเวียนในขณะทำงาน ซึ่งจะรับการถ่ายเทความร้อนที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ต่างๆ อันเนื่องมาจากการสูญเสียกำลังงานในระบบเข้าสู่ตัวมัน และแผ่กระจายความร้อนนั้นผ่านผนังของถังพักเมื่อไหลลงสู่ถังพัก
คุณสมบัติที่จำเป็นในน้ำมันไฮดรอลิกมีดังนี้
1. มี ความข้นใสพอเหมาะและค่าดัชนีความข้นใสสูง น้ำมันไฮดรอลิกที่มีคุณภาพดีจะต้องมีคาความข้นใสคงที่แม้ว่าอุณหภูมิในการทำ งานจะเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ค่าความข้นใสของน้ำมันไฮดรอลิกยังมีผลต่อการหล่อลื่นระหว่างผิว สัมผัสของอุปกรณ์ต่างๆ กล่าวคือถ้าความข้นใสมากจะป้องกันการสึกหรอได้ดี อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมีความข้นใสมากเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อการหล่อลื่น เนื่องจากทำให้การเคลื่อนตัวของน้ำมันไหลไปมาไม่สะดวก
2. มี จุดข้นแข็งต่ำ น้ำมันไฮดรอลิกที่ดีควรมีจุดข้นแข็งต่ำกว่าอุณหภูมิที่ระบบไฮดรอลิกทำงานและ จุดข้นแข็งนี้จะมีปัญหาก็ต่อเมื่อระบบไฮดรอลิกต้องทำงานในที่ที่มีอุณหภูมิ ต่ำกว่าปกติ
3. คุณภาพของน้ำมันจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงมากนักถึงแม้อุณหภูมิในการทำงานจะสูง
4. มีคุณภาพการหล่อลื่นที่ดี
5. ต้านทานการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่นได้ดีเยี่ยม
6. มีความคงที่และช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันบ่อยๆ
7.  มีคุณภาพคงที่ถึงแม้อุณหภูมิในการทำงานจะเปลี่ยนแปลงมาก
8. สามารถต้านทานการเกิดสนิม
9. ช่วย ป้องกันการกัดกร่อนโลหะ เนื่องจากชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบไฮดรอลิกส่วนใหญ่ทำด้วยโลหะ ดังนั้นน้ำมันไฮดรอลิกจะต้องไม่มีคุณสมบัติของความเป็นกรดซึ่งจะมีอันตราย ต่ออุปกรณ์ได้
10.  สามารถเข้ากับยาง ซีล ปะเก็น และสีได้เป็นอย่างดี
11. ต้านทานต่อการเกิดฟอง
12. มีความสามารถแยกตัวจากน้ำได้ดี
13. ทนไฟ
14. มีค่าความสามารถในการอัดตัวต่ำ คือน้ำมันไฮดรอลิกต้องไม่ยุบตัวตามความดันเมื่อถูกอัดตัว
15.ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือยางเหนียว
16. มีความเสถียร คือไม่เกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่นและไม่เสื่อสลายเพราะความร้อนได้ง่าย
17. สามารถผ่านไส้กรองขนาดละเอียดมากได้ดีโดยไม่เกิดการอุดตัน
น้ำมัน ไฮดรอลิกมีให้เลือกใช้มากมายหลายชนิด การเลือกใช้ให้ถูกต้องจะต้องพิจารณาถึงวิธีการทำงานของระบบเป็นหลัก รวมทั้งสภาพการทำงานของเครื่องด้วย โดยทั่วไปน้ำมันไฮดรอลิกถูกจัดแบ่งตามลักษณะการผลิตตามวัตถุประสงค์การใช้ งานได้ 2 ประเภทคือ ประเภทน้ำมันปิโตรเลียมหรือน้ำมันแร่และประเภทน้ำมันมนไฟ น้ำมันไฮดรอลิกที่กลั่นจากน้ำมันแร่จะมีความข้นใสใกล้เคียงกับน้ำมัน เทอร์ไบน์และประกอบด้วยส่วนผสมที่มีคุณสมบัติที่จำเป็นและต้องการในน้ำมัน ไฮดรอลิก ดังนั้นน้ำมันแร่และน้ำมันเทอร์ไบน์จึงเหมาะสำหรับระบบไฮดรอลิกทั่วไป แต่สำหรับระบบที่อยู่ในสภาพที่มีการรั่วและทำงานในอุณหภูมิสูงหรือน้ำมัน ระเหยได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเผาไหม้ได้ ก็ควรจะใช้น้ำมันไฮดรอลิกประเภทน้ำมันทนไฟ ซึ่งมีคุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์แตกต่างจากน้ำมันปิโตรเลียม ส่วนความสามารถในการทนไฟนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันทนไฟที่ใช้กับระบบ
ชนิดต่างๆ ของน้ำมันไฮดรอลิกดังต่อไปนี้
1. น้ำมันปิโตรเลียม (Petroleum Base Fluids) เป็นน้ำมันที่นิยมใช้กับระบบไฮดรอลิก คุณสมบัตของน้ำมันปิโตรเลียมขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ
- ชนิดของน้ำมันดิบ
- วิธีการและระดับการกลั่น
- สารประกอบที่ใช้
โดย ทั่วไปน้ำมันไฮดรอลิกชนิดนี้มีคุณสมบัติในการหลื่อดีเยี่ยม โดยเฉพาะน้ำมันดิบบางชนิดมีคุณสมบัติในการต้านทานการสึกหรอ ต้านทานการเกิดสนิม ในอุณหภูมิสูงๆทีค่าดัชนีความข้นใสสูงและมีความสามารถในการซีลดีมากอย่างไร ก็ตามข้อเสียที่สำคัญของน้ำมันปิโตรเลียมก็คือเป็นน้ำมันที่ติดไฟ ดังนั้นจึงไม่เหมาะชะใช้กับงานที่อยูใกล้เปลวไฟ เช่น เครื่องหล่อแบบพิมพ์ เตาเผาเหล็ก เพราะถ้าเกิดท่อทางของน้ำมันไฮดรอลิกชนิดดังกล่าวเกิดการแตกหรือรั่ว น้ำมันอาจลุกติดไฟได้
2. น้ำมันทนไฟ (Fire Resistance Fluid) น้ำมัน ไฮดรอลิกชนิดนี้จะใช้ในกรณีที่ระบบต้องทำงานในที่ที่อุณหภูมิสูง หรือในที่ที่อาจจะมีการติดไฟได้ง่ายเมื่อมีการรั่วซึมของน้ำมันในระบบ น้ำมันทนไฟแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภทคือ น้ำมันที่ผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ และน้ำมันที่มีน้ำผสมอยู่
        1. น้ำมันทนไฟประเภทผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ (Synthetic Fluids) น้ำมันไฮดรอลิกที่ผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์นี้มีอยู่ 2 ประเภทคือ ฟอสเฟตเอสเทอร์ (Phosphate Ester) และโพลีเออร์เอสเทอร์ (Polyor Ester)
คุณสมบัติ ของน้ำมันที่ผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์นี้จะไม่มีส่วนผสมของน้ำอยู่เลย จึงสามารถใช้ได้ดีในขณะอุณหภูมิสูงๆ โดยไม่ทำให้สารประกอบระเหยไป และใช้ได้ดีในระบบที่มีความดันสูงๆ น้ำมันชนิดนี้มีค่าความถ่วงจำเพาะสูงที่สุด (น้ำหนักจึงมากที่สุด) ดังนั้นจึงต้องระวังรักษษท่อดูดของปั๊มให้อยู่ในสภาพดี น้ำมันชนิดนี้มีค่าดัชนีความข้นใสต่ำ คือประมาณ 80 VI ดังนั้นจึงควรใช้ในระบบที่มีอุณหภูมิการทำงานค่อนข้างคงที่เท่านั้น
นอก จากนี้ราคาของน้ำมันชนิดนี้ยังจัดว่าสูงที่สุดในบรรดาน้ำมันที่ใช้ในระบบ ไฮดรอลิก แต่น้ำมันชนิดนี้ไม่เหมาะกับซีลชนิดบูน่าร์-เอ็นและนีโอพรีน ดังนั้นถ้าเปลี่ยนมาใช้น้ำมันประเภทนี้จะต้องเปลี่ยนซีลที่มีอยู่เสียก่อน
ข้อแนะนำในการใช้น้ำมันประเภทสารเคมีสังเคราะห์มีดังนี้คือ
1.1      ฟอสเฟตเอสเทอร์ มีข้อสังเกตในการใช้งานดังนี้
        - ใช้ปั๊มที่เหมาะกับน้ำมันชนิดนี้
        - ความเร็วระบบที่ขับปั๊มไม่ควรเกิน 1200 รอบต่อนาที
        - ใช้สเตรนเนอร์ในท่อดูดที่มีอัตราการไหลตั้งแต่ 3 เท่าขึ้นไปของอัตรจ่ายของปั๊ม
        - ระดับน้ำมันในถังพักควรต่ำกว่าช่องต่อทาวเข้าปั๊มประมาณ 80 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้แรงต้านทานการไหลในท่อดูดของปั๊มเพิ่มขึ้น
        - หลีก เลี่ยงการใช้ข้องอหรือข้อต่อแบบ 90 องศาในท่อทางดูดของปั๊ม เพื่อป้องกันไม่ให้แรงต้านทานการไหลในท่อดูดของปั๊มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ท่อดูดควรมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับช่องทางออกของปั๊มด้วย
         - ไม่ควรใช้สีทาภายในถังพัก
        - ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เคลื่อนไหวในระบบไม่ควรทำจากอะลูมิเนียม
        - ต้องระวังไม่ให้น้ำปะปนลงในน้ำมัน
1.2 โพลีเออร์เอสเทอร์ มีข้อสังเกตในการใช้งานดังนี
        -  ไม่ควรใช้สีประเภทฟีโนลิกเรซิน (Phenolic resin) ทาภายในถังพัก
        -   ห้ามใช้สารที่ทำจากยางบิวทิล (butyle)
2. น้ำมันทนไฟประเภทน้ำมันที่มีน้ำผสมอยู่ (water containing fluids) น้ำมันประเภทนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ ประเภทน้ำมันผสมไกลคอล (water-glycol type fluids) ประเภทมีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าน้ำมัน (water in oil type emulsions) และประเภทมีน้ำอยู่น้อยกว่าน้ำ (oil in water type emulsions)
2.1 น้ำมัน ประเภทน้ำผสมไกลคอล น้ำมันประเภทนี้ประกอบด้วยน้ำ 35-40 เปอร์เซนต์เพื่อเป็นสารต้านการติดไฟ ไกลคอลและสารประกอบจากน้ำที่เป็นยางเหนียวจะทำให้เกิดความหนืด นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอื่นที่ช่วยป้องกันการเกิดฟอง การเกิดสนิม การผุกร่อน และช่วยในการหล่อลื่น
น้ำมัน ประเภทนี้โดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านการผุกร่อน แต่เนื่องจากมีน้ำหนักมากจึงทำให้เกิดการสุญญากาศมากในท่อดูดของปั๊ม จึงไม่เหมาะที่จะใช้กับระบบที่มีอุปกรณ์ทำด้วยสังกะสี แคดเมียม และแมกนีเซียม ส่วนซีลที่ไม่เหมาะสมกับน้ำมันประเภทนี้คือซีลที่ทำจากหนังและไม้ก๊อก ซึ่งจะดูดซึมน้ำที่อยู่ในน้ำมันได้ ดังนั้นจึงควรใช้ซีลที่ทำจากสารประกอบทางเคมีแทน
ข้อเสียของน้ำมันประเภทนี้ ได้แก่
        - ในระหว่างการใช้งาน จะต้องคอยตรวจสอบปริมาณของน้ำในน้ำมันให้อยู่ในระดับพอเหมาะเพื่อรักษาค่าความข้นใสของน้ำมันให้คงที่อยู่เสมอ
        - การระเหยของน้ำในน้มันอาจทำให้สารประกอบบางอย่างระเหยไปด้วย ซึ่งจะทำให้น้ำมันและอุปกรณ์บางอย่างมีอายุการใช้งานสั้นลง
         - อุณหภูมิในการทำงานจะต้องอยู่ในระดับต่ำ
         - มีราคาสูง
สำหรับ ระบบที่ใช้น้ำมันปิโตรเลียมมาก่อนแล้วจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันประเภทนี้ จะต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ทั้งหมดให้ดี รวมทั้งเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ทำจากสังกะสีหรือแคดเมียมด้วย
ข้อแนะนำในการใช้น้ำมันประเภทน้ำผสมไกลคอลมีดังนี้
- ใช้ปั๊มชนิดพิเศษที่เหมาะกับน้ำมันที่มีน้ำผสมอยู่
-  ความเร็วรอบที่ใช้ขับปั๊มไม่ควรเกิน 1,200 รอบต่อนาที
- อุณหภูมิของน้ำมันในขณะทำงานต้องไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส
- ใช้สเตรนเนอร์ในท่อดูดที่มีอัตราการไหลมากกว่า 4 เท่าของอัตราจ่ายของปั๊ม
-  ความต้านทานการไหลในท่อดูดของปั๊ม จะต้องต่ำกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท
-  ห้ามทาสีชนิดใดๆภายในถังพัก
-  ห้ามใช้อุปกรณ์ที่ทำจากอะลูมิเนียม แคดเมียม และสังกะสี
- ห้ามใช้สารที่ทำจากยางโพลียูรีเทน (polyurethane)
2.2  น้ำมัน ประเภทที่มีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าน้ำมัน น้ำมันประเภทนี้จัดว่ามีราคาถูกที่สุดในบรรดาน้ำมันประเภททนไฟ นอกจากน้ำและน้ำมันแล้วยังประกอบด้วยสารเคมีที่ช่วยให้น้ำกับน้ำมันผสมกลม กลืนกัน น้ำมันชนิดนี้นิยมใช้กันมากกว่าชนิดที่มีน้ำมันผสมอยู่น้อยกว่าน้ำ เนื่องจากมีค่าความข้นใสสูงกว่าและมีคุณสมบัติในการหล่อเย็นดีพอใช้ นอกจากนี้ยังอาจเติมสารประกอบที่ช่วยต้านทานการเกิดสนิมและการเกิดฟองได้ ด้วย โดยทั่วไปน้ำมันชนิดนี้จะประกอบด้วยน้ำประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อใช้ในระบบอาจเติมน้ำได้อีกเพื่อช่วยรักษาความข้นใสให้คงที่
ข้อสังเกตในการใช้น้ำมันประเภทที่มีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าน้ำมันมีดังนี้
-  ใช้ปั๊มชนิพิเศษที่เหมาะสมกับน้ำมันที่มีน้ำผสมอยู่
- ความเร็วรอบที่ใช้ขับปั๊มไม่ควรเกิน 1,200 รอบต่อนาที
-  อุณหภูมิของน้ำมันในขณะทำงานต้องไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส
-  สเตรนเนอร์ที่ใช้ในท่อดูดควรมีอัตราการไหลมากกว่า 3-4 เท่าของอัตราจ่ายของปั๊ม
-  ระบายน้ำที่แยกตัวออกมาที่ก้นถังอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
-  ความต้านทานการไหลในท่อดูดของปั๊มจะต้องต่ำกว่า 120 มิลลิเมตรปรอทล
-  ห้ามใช้อุปกรณ์ที่ทำจากอะลูมิเนียม แคดเมียม และสังกะสี
-   ห้ามใช้สารที่ทำจากยางโพลียูรีเทน
3. น้ำมัน ประเภทมีน้ำมันผสมอยู่น้อยกว่าน้ำ ประกอบด้วยน้ำมันน้อยกว่าน้ำจึงมคุณสมบัติคล้ายน้ำ สามารถต้านทานการลุกไหม้ได้ดี มีความข้นใสต่ำ และมีคุณสมบัติในการหล่อเย็นดีมาก แล้วยังมีส่วนประกอบของสารเคมีที่ช่วยทำให้น้ำกับน้ำมันผสมกันได้ดี น้ำมันชนิดนี้ก็จัดว่าเป็นน้ำมันทนไฟที่ทีราคาถูกที่สุดเช่นกัน นอกจากนี้ยังอาจเติมสารประกอบที่ช่วยเพิ่มความหล่อลื่นและป้องกันการเกิด สนิมให้ดีขึ้น แต่ก่อนนิยมใช้น้ำมันประเภทนี้ในปั๊มขนาดใหย๋ที่มีความเร็วต่ำ ปัจจุบันสามารถใช้ได้กับปั๊มทั่วๆ ไป
ข้อแนะนำในการใช้น้ำมันประเภทมีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าน้ำมีดังนี้
- ใช้ปั๊มน้ำ
-  สำหรับวาล์วควบคุมทิศทาง ควรใช้แบบป็อปเป็ต (poppet)
- สำหรับวาล์วปลดความดันควรมีอะไหล่สำหรับเปลี่ยน
-  ห้ามใช้สารที่ทำจากยางโพลียูรีเทน
คุณสมบัติ อื่นๆ ของน้ำมันประเภทมีน้ำผสมอยู่น้อยกว่าน้ำมันและประเภทมีน้ำมันผสมอยู่น้อย กว่าน้ำ คือ น้ำมันทั้งสองประเภทนี้เหมาะสำหรับระบบที่มีอุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันการ ระเหยและการเกิดออกไซด์ในน้ำมัน ข้อควรระวังในการใช้งานคือ ระบบการกรองจะต้องดีมาก และควรมีแม่เหล็กสำหรับดูดเศษโลหะที่ปนอยู่ในน้ำมันด้วย น้ำมันทั้งสองประเภทนี้ใช้ได้ดีกับซีลและโลหะทุกชนิดที่ใช้ในระบบไฮดรอลิก ที่ใช้น้ำมันปิโตรเลียม ถ้าต้องการเปลี่ยนน้ำมันในระบบมาใช้น้ำมัน 2 ประเภทนี้ จะต้องระบายและล้างอุปกรณ์ทั้งหมดให้สะอาด รวมทั้งเปลี่ยนซีลที่เป็นแบบเคลื่อนที่เสียก่อน
 การ ใช้งานของน้ำมันไฮดรอลิก น้ำมันไฮดรอลิกและปั๊มไฮดรอลิกเป็นหัวใจในการทำงานของระบบไฉดรอลิก การที่ระบบจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตัวปั๊มต้องอยู่ในสภาพดี และต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่สำคัญของน้ำมันไฮดรอลิกที่จะมีผลต่ออายุการ ใช้งานของปั๊มไฮดรอลิกด้วยดังต่อไปนี้
        - สภาพ ของน้ำมันไฮดรอลิกในขณะใช้งานมีความสำคัญต่ออายุการใช้งานของปั๊ม หากมีการปะปนของน้ำ ฝุ่น และเศษของแข็งจะทำให้ปั๊มสึกก่อนเร็วมาก
        - ชนิด ของน้ำมันไฮดรอลิก การเลือกใช้น้ำมันไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับชนิดและการออกแบบของปั๊มไฮดรอลิก เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัณมาก เช่น น้ำมันไฮดรอลิกที่ผสมสารป้องกันการสึกหรอประเภทสังกะสีจะไม่เหมาะกับปั๊มที่ มีชิ้นส่วนทำด้วยเงินและทองบรอนซ์บางประเภท เพราะจะทำให้เกิดการกัดกร่อน เป็นต้น
        - อุณหภูมิ ของน้ำมันในระบบ ระบบไฮดรอลิกส่วนใหญ่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ ดังนั้นจึงต้องดูแลให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิ ของน้ำมันไฮดรอลิกในระบบไม่ให้สูงเกินไป เพราะหากอุณหภูมิสูงมากน้ำมันจะเสือมสภาพเร็ว ซึ่งจะมีผลเสียต่อการหล่อลื่นและป้องกันการสึกหรอของปั๊มด้วย
        - การ หล่อลื่นปั๊ม จะทำได้ดีต้องได้น้ำมันที่ถูกชนิด สะอาดปราศจากสิ่งเจือปน และมีความข้นใสในระดับที่เหมาะสม และระดับน้ำมันในอ่างต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้
        - ความ ข้นใสของน้ำมันไฉดรอลิกต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการออกแบบของระบบไฮดรอลิก โดยเฉพาะปั๊มไฮดรอลิก หากน้ำมันข้นเกินไปเวลาเริ่มเดินปั๊มจะเกิดเสียงดังอันเนื่องมาจากการเกิด โพรงที่ว่างในเรือนปั๊มทำให้ปั๊มเกิดการสึกหรอและเสียหายได้ และในระหว่างการใช้งาน ฟองอากาศที่ปะปนในน้ำมันแยกตัวแกได้ช้าเนื่องจากน้ำมันข้น ก็จะเกิดเสียงและทำให้ปั๊มเสียหายเร็ว วาล์วเกิดการสึกกรอนเร็วด้วย และหากน้ำมันใสเกินไปประสิทธิภาพของปั๊มและระบบไฮดรอลิกจะต่ำลงเพราะเกิดการ รั่วกลับในเรือนปั๊ม โดยทั่วไปสำหรับระบบที่ใช้น้ำมันแร่เป็นน้ำมันไฮดรอลิก ความข้นใสที่ใช้จะอยู่ในระดับเบอร์ ISO 32, 46, 68 หรือ 100 ในขณะการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ อุณหภูมิการใช้งานควรจะอยู่ในราว 49-54 องศาเซลเซียส และไม่ควรเกิน 66 องศาเซลเซียส ความข้นใสจะอยู่ระหว่าง 13-54 เซนติสโตก ณ อุณหภูมิการใช้งาน
       - น้ำมันไฮดรอลิกคุณภาพดีมักเติมด้วยสารป้องกันการสึกหรอ จะเป็นสารซิงค์ไดไธโอฟอสเฟต (zinc dialkyl dithiophosphaste) (ZDDP) ซึ่งเป็นประเภทมีเถ้า หรือสารพวกไตรครีซิลฟอสเฟต (TCP) ซึ่งเป็นสารประเภทไม่มีเถ้าก็ได้
       - มีค่าดัชนีความข้นใสสูง และค่าความข้นใสไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมือ่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปมาก

ขอบคุณข้อความดีๆ จาก http://www.miller-thai.com

คุณสมบัติของน้ำมันไฮดรอลิค

คุณสมบัติของน้ำมันไฮดรอลิค

ระบบไฮดรอลิค คือ การใช้ของเหลวภายใต้แรงดันสูงๆ เพื่อส่งถ่ายกำลังจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งและในเวลาเดียวกันก็จะให้แรง เป็นเท่าทวีคูณด้วย ใช้กันแพร่หลายทั้งในอุตสาหกรรมและยานยนต์

น้ำมันไฮดรอลิค

น้ำมันไฮดรอลิค


 ของเหลวไฮดรอลิค

   1. น้ำ
   2. น้ำมันปิโตรเลียม
  3. ของเหลวอื่นๆ (สังเคราะห์) 

คุณสมบัติของน้ำมันไฮดรอลิค

1. ความหนืดพอเหมาะ และดัชนีความหนืดสูง
2. มีจุดข้นแข็งต่ำ (Pour Point)
3. คุณภาพของน้ำมันจะต้องไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงถึงแม้อุณหภูมิในการทำงานจะสูง
4. มีคุณภาพการหล่อลื่นที่ดี และไม่ทำปฏิกิริยากับยาง ซีล ปะเก็น และสี
5. ต้านทานการเกิดออกซิเดชั่นได้ดีเยี่ยม
6. ต้านทานการเกิดสนิม
7. ต้านทานการเกิดฟอง
8. มีความสามารถในการแยกตัวจากน้ำได้ดี
9. มีความสามารถในการอัดตัวต่ำ
10. ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือยางเหนียว

ชนิดของน้ำมันไฮดรอลิก

1. น้ำมันปิโตรเลียม
 1.1 น้ำมันไฮดรอลิกทั่วไป (HYDRAULIC AW)
 1.2 น้ำมันเทอร์ไบน์
 1.3 น้ำมันไฮดรอลิกชนิดพิเศษ (HYDRAULIC  HVI)
 1.4 น้ำมันเครื่องเบอร์ SAE 10W หรือ SAE 30

2. น้ำมันทนไฟ
 2.1 ประเภทผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ (Synthetic Fluids)
 2.2 ประเภทน้ำมันที่มีน้ำผสมอยู่ (Water Containing Fluids)



ข้อมูลดีๆจาก http://hydraulic-motor-circuit.blogspot.com

เพิ่มเติม

วิธีการเลือกใช้น้ำมันไฮดรอลิคและการดูแล


น้ำมันไฮดรอลิคอุตสาหกรรม (Hydraulic Fluid)
ประเภทน้ำมันไฮดรอลิคแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. น้ำมันไฮดรอลิคแบบทั่วไป(Mineral oil Hydraulic Fluid)
2.น้ำมันไฮดรอลิคกันไฟ (Fire resistance Hydraulic Fliud)
3.น้ำมันไฮดรอลิคสังเคราะห์(Synthetic Hydraulic Fluid)
น้ำมันไฮดรอลิคส่วนใหญ่ที่นิยมใช้เป็น น้ำมันไฮดรอลิคแบบ Mineral Oil มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย น้ำมันมีราคาถูก แต่มีข้อจำกัดในการใช้งานเสี่ยงต่อการติดไฟ ส่วนการใช้งานที่มีการเสี่ยงต่อการติดไฟสามารถเลือกใช้น้ำมันไฮดรอลิคกันไฟ ได้ แต่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเลือกประเภทไฮดรอลิคกันไฟ ซึ่งพบว่าน้ำมันไฮดรอลิคกันไฟมี 3 ประเภทคือ แบบแรก Water Base แบบที่2 Water Glycol แบบที่ 3 น้ำมันสังเคราะห์
น้ำมันไฮดรอลิคกันไฟ เป็นน้ำมันที่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีความรู้ในการใช้งานและดูแลรักษา เพราะประสิทธิภาพการกันไฟจะเป็นผลจากสภาพการดูแล
เช่นหากใช้งานน้ำมันโดยไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันอาจมีสภาพความเป็นกรด กัดกร่อน อุปกรณ์ไฮดรอลิคเกิดความเสียหายได้
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ประเภทของน้ำมันนั้น ผู้ใช้งานควรเลือกจากคู่มือการใช้ของเครื่องจักรที่แนะนำ
น้ำมันไฮดรอลิคมีค่าความหนืดหลายเบอร์ให้เลือก ตั้งแต่ ISO VG 32 , 46, 68,100  และ ISO VG 150
อายุการใช้งานของน้ำมัน  น้ำมันควรมีสีเหมือนน้ำมันใหม่ สีใส ไม่มีสีขุ่น ไม่มีกลิ่นเหม็นไหม้ หากระหว่างใช้งานน้ำมันมีสีขุ่น หรือสีคล้ำและมีกลิ่นเหม็นไหม้ ควรพิจารณาเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันการเสียหายที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น น้ำมันไฮดรอลิคโดยทั่วไป ควรพิจารณาเปลี่ยนทุกปี เพื่อป้องกันคราบยางเหนียวที่อาจจะเกิดขึ้นได้หากใช้งานนานโดยไม่มีการ เปลี่ยนถ่าย

ข้อมูลดีๆจาก http://www.lubetools.com

Nissan UD 360 Gear Oil Cooler CPS / ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ CPS นิสสัน ยูดี 360

Nissan UD 360 Gear Oil Cooler / ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ CPS นิสสัน ยูดี 360


เป็นงานสั่ง ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ CPS นิสสัน ยูดี 360 ทำโดยใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด แล้วพ่นสีดำ สามารถนำไปติดตั้งแทนตัวเดิมได้เลย เพราะขนาดเท่ากันเปะ

แป๊ปเป็นแป๊ปอลูมิเนียมแบบฉีด ทำให้ทนแรงดันได้ดี การไหลเวียนดี การใช้งานทนทาน ใช้กันได้ยาวๆ หัวก้นเป็นอลูมิเนียม พร้อมกับเชื่อมอาก้อน แข็งแรง พร้อมกับเช็ครั่ว 100% ทุกใบ

รูปงานตัวอย่างออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ CPS นิสสัน ยูดี 360 เพื่อเพิมความมั่นใจ

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ 086 345 2995, 038 795 096

Nissan UD 360 Gear Oil Cooler CPS

ออยล์คูลเลอร์น้ำมันเกียร์ CPS นิสสัน ยูดี 360

สินค้าคุณภาพจาก ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป http://www.chonprasitgroup.com

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator


เป็นงานสั่งทำพิเศษ เป็น หม้อน้ำของรถมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู

หม้อน้ำใบนี้หาซื้อลำบากแล้ว ลูกค้าเลยนำมาเพื่อให้ทำให้ เพราะใบเดิมซ่อมไม่ได้แล้ว

เราเลยผลิตใหม่เป็นอลูมิเนียมทั้งใบ

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator
หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator ด้านหลัง

หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator
หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator ด้านหน้า


สนใจสั่งทำสินค้าลักษณะนี้ โทรสอบถามก่อนได้ครับ เพราะต้องดูเป็นงานๆไปครับ บางงานก็ยากเกินก็มีครับ แต่ส่วนใหญ่ ก็พอทำได้ครับ เท่าที่เห็นครับ ฟ้องด้วยภาพครับ

งานดีๆ แจ่มๆ จาก ชลประสิทธิ์ หม้อน้ำ : หม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู BMW motorcycle radiator

ขาย ออยล์คูลเลอร์รถผสมปูน ผลิตด้วย Oil Cooler Mixing truck - CPS

ขาย ออยล์คูลเลอร์รถผสมปูน ผลิตด้วย Oil Cooler Mixing truck - CPS


วันนี้ขอนำเสนอตัวออยล์คูลเลอร์ CPS สำหรับ รถผสมปูน ที่พร้อมติดตั้ง มาพร้อมกับพัดลม 24VDC สามารถนำไปติดตั้งกับแท่นยึดได้เลย รูปลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ทำความสะอาดง่าย ออยล์คูลเลอร์มีท่อเข้าออกซ้ายและขวา พร้อมสำหรับการติดตั้งสายน้ำมันเข้าออก


ภาพตัวอย่างออยล์คูลเลอร์รถผสมปูน ของ CPS ด้านล่างนี้เลย


ออยล์คูลเลอร์รถผสมปูน ของ CPS
ออยล์คูลเลอร์รถผสมปูน ของ CPS
ด้วยรูปลักษณ์ นวัฒกรรมใหม่ และ ขนาดความสูง.กว้าง.หนาที่ได้ทำการทดสอบกับรถโม่ปูนที่วิ่งอยู่จริง ทางบริษัทมั่นใจว่า สำหรับ อากาศร้อนๆอย่างประเทศไทยนี้ ออยล์คูลเลอร์ ใบนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง

สามารถติดต่อสั่งซื้อ ออยล์คูลเลอร์ ได้เลย ที่ 038 272 646 หรือ 038 795 096
หรือ อีเมล์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ marketing@ccrthailand.com

เพิ่มเติม ถ้าลูกค้าท่านใดต้องการขนาดที่แตกต่างออกไปจากนี้ เนื่องด้วยต้องการความเป็นเฉพาะตัว หรือ ไม่อยากให้เหมือนใคร หรือ จำกัดด้วยวิธีติดตั้ง การเดินสายน้ำมันต่างๆ โทรปรึกษากับทางบริษัทก่อนได้ เพื่อทำการผลิตตัวออยล์คูลเลอร์ให้เหมาะกับงานของคุณ



ข้อมูลดีๆ จาก บริษัท ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป จำกัด

http://www.ccrthailand.com


ปั้มไฮดรอลิก / Hydraulic Pump

ปั้มไฮดรอลิก


ปั้มไฮดรอลิก ( Hydraulic Pumps)

               ปั้มไฮดรอลิกใช้สำหรับเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานของ ไหลหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ปั้ม คืออุปกรณ์ที่สร้างการไหลของน้ำมัน เมื่อน้ำมันไหลแล้วมีสิ่งกีดขวางทำให้เกิดความกดดัน สามารถแบ่งออกใหญ่ๆได้ 3 ชนิด คือ

ตัวอย่าง ปั้ม + Oil cooler

1. ปั้มแบบเฟือง ( Gear Pump )

              ปั้ม แบบเฟืองจะมีเฟือง 2 ตัวขบกัน โดยเฟืองขับจะต่อกับมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เพื่อหมุนเฟืองให้ดูดน้ำมัน และส่งน้ำมันเข้าปั้ม ไฮดรอลิก                                                                            
               เมื่อเฟืองขับ หมุนจะทำให้เฟืองอีกตัวคือ เฟืองตามหมุนไปด้วย ขณะที่เฟือง 2 ตัวหมุนอยู่ จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณท่อแล้วเกิดการดูดน้ำมันจากช่องทางน้ำมัน
               **จุดเด่น  อยู่ที่ความทนทานสูง**

2.ปั้มแบบเวน     ( Vane Pump )

ส่วนประกอบของปั้มแบบเวน
  • ช่องน้ำมันเข้า สำหรับต่อท่อดูดน้ำมันจากถังน้ำมัน
  • ช่องน้ำมันออก สำหรับต่อท่อเพื่อส่งน้ำมันเข้าในระบบ
  • ตัวเรือของปั้ม สำหรับประกอบอุปกรณ์ต่างๆ
  • โรเตอร์ ใช้สำหรับเสียบใบเวน
  • ใบเวน ทำหน้าที่กวาดน้ำมันจากช่องดูดน้ำมันและส่งออกในช่องส่งน้ำมัน
  • เพลาขับ ทำหน้าที่ขับให้โรเตอร์หมุน
            ปั้ม แบบเวน เมื่อเพลาขับหมุนจะทำให้โรเตอร์หมุน อยู่ภายในตัวของตัวเรือนปั้ม ซึ่งทำให้ใบเวนถูกสลัดไปแตะกับตัวเรือนปั้ม ซึ่งทำให้เกิดสูญญากาศทางช่องทางดูดน้ำมัน

3.ปั้มแบบลูกสูบ ( Piston Pump)

                เมื่อลูกสูบยก ทำให้เกิดสูญญากาศภายในห้องสูบน้ำมัน จึงถูกดูดเข้ามาทางช่องดูดน้ำมันโดยผ่านเช็กวาล์ว ซึ่งปั้มจะมีจำนวนลูกสูบหลายลูกเรียงรายกันอยู่

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า X11 / Exchange motorcycle radiator core Honda X11

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า X11 / Exchange motorcycle radiator core Honda X11


เป็นตัวอย่างงานอีกหนึ่งงาน ในการแก้ไขปัญหาหม้อน้ำรั่วมา

ลูกค้าต้องการให้ผลิตหม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ขนาดเหมือนของเดิม ตำแหน่งต่างๆอยู่ที่เดิม เพื่อนำกลับไปติดตั้งได้เลย แต่งานค่อนข้างจะเยอะ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเพราะสั่งทำแค่ใบเดียว เลยแนะนำให้ เปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำอย่างเดียว ส่วนพวกโครงสร้างต่างๆ เอาของเดิมมาใช้ เพื่อจะได้สามารถนำกลับไปติดตั้งได้เลย ทั้งกับตัวโครงรถ ฮอนด้า X11 และ ตัวพัดลมที่ติดกับหม้อน้ำ


 งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า X11 / 

Exchange motorcycle radiator core Honda X11

หม้อน้ำ ฮอนด้า x11
หม้อน้ำ มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า x11/ HONDA X11 RADIATOR

จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าแนวแท๊งค์ทั้งสองข้างจะเปลี่ยนจากงานที่เหมือนเป็นตะเข็บที่ออกมาจากโรงงานเป็นงานเชื่อมอากอนแทน ตำแหน่งยึดต่างๆ และตำแหน่งจับพัดลมยังคงไว้ที่เดิม สามารถนำหม้อน้ำ กลับไปติดตั้งได้เลย

ใบนี้ลูกค้าส่งมาจากต่างจังหวัด มาทาง EMS ซึ่งก็สะดวก เมื่อทำเสร็จก็ใช้เวลาผลิตแล้วก็ประกอบประมาณ 1 สัปดาห์เศษ ก็เตรียมส่งกลับไปให้ลูกค้าทาง EMS เช่นกัน สะดวก รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ที่บริษัท ก็ส่งงานมาให้ดูก่อนได้ ถ้าทำได้ก็จัดไป

เน้นนะครับ ตัวงานนี้เป็นงานเปลี่ยนรังผึ้ง ซึ่งถ้าจะให้ทำใหม่ทั้งใบต้องรบกวนนำตัวอย่างมาด้วยเพื่อจะทำตัวหูยึดต่างๆ ได้ตรงตามตำแหน่งเดิม

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า X11 / Exchange motorcycle radiator core Honda X11 - ผลงานแจ่มๆจากทีมงาน ในเครือชลประสิทธิ์ กรุ๊ป

โปรโมชั่นโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด เชฟโรเลต / Promotion for Toyota Honda Nissan Mazda Ford Chev end this Jan 2014

โปรโมชั่นโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด เชฟโรเลต / Promotion for Toyota Honda Nissan Mazda Ford Chev end this Jan 2014


โปรโมชั่นเด็ดจากค่ายรถยนต์แบรนด์ดังมาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณากัน
 
โปรโมชั่นโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด เชฟโรเลต / Promotion for Toyota Honda Nissan Mazda Ford Chev end this Jan 2014

     วันนี้ก็มีโปรโมชั่นเด็ดๆมาฝากเช่นเคยครับ เริ่มจาก 'ฮอนด้า' ที่จัดโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% ให้รุ่น 'Jazz' เพิ่มขึ้นมา หรือทาง 'ฟอร์ด' เองก็มีโปรโมชั่นฟรีประกันภัยชั้น 1 ให้ 'Fiesta Ecoboost' อีกด้วย นอกจากนั้น 'Toyota Vios' ยังมีโปรโมชั่นผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,234 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 ให้ด้วย
     

เชิญคุณผู้อ่านชมโปรโมชั่นค่ายรถยนต์ต่างๆได้เลยครับ

     โปรโมชั่น TOYOTA (โตโยต้า)


     Toyota Vios

     สัมผัสวีคอนโทรลใน Vios ใหม่
     ผ่อนสบายใจ กับโปรแกรมสบายดี
     ผ่อนเริ่มต้น 3,234 บาท ดาวน์ 88,000 บาท
     ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 Toyota Care


     Toyota Avanza

     ซื้ออแวนซ่าทุกรุ่นวันนี้
     ผ่อนเพียง 4,790 บาท/เดือน* พร้อมรับ ประกันภัยชั้น 1 TLT Exclusive Toyota Care

     Toyota Innova

     New Innova เปิดรับความสุขได้ไม่จำกัด
  
     ซื้อ Innova รับขอเสนอพิเศษ วันนี้ - 31 มกราคม 2557
     ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,350 บาท* หรือ รับดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% **

     **ทุกรุ่นหมดเขต 31 มกราคม 2557

     โปรโมชั่น HONDA (ฮอนด้า)


     Honda City

     โปรโมชั่นผ่อนเบา เบา โดนใจ ผ่อนเพียง 2,999 บาทต่อเดือน

     หรือ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนาน 48 เดือน

     Honda Brio Amaze

     โปรโมชั่นผ่อนเบา เบา โดนใจ ผ่อนเพียง 2,333 บาทต่อเดือน

     หรือ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% ดาวน์ 49,999 บาท ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Brio

     รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Jazz
     ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Jazz Hybrid

     ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Civic Hybrid
     ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อน 60 เดือน พร้อมรับ ฟรี! ประกันภัยชั้น 1

     Honda Civic

     ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Accord
     ดอกเบี้ยพิเศษ 1.39% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda CR-V

     ดอกเบี้ยพิเศษ 1.59% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

     Honda Freed
    
     ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน
    
     **ทุกรุ่นหมดเขต 31 มกราคม 2557



     โปรโมชั่น FORD (ฟอร์ด)


     Ford Fiesta

     ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 20% ผ่อนนาน 72 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     Ford Fiesta Ecoboost

     รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     Ford Focus

     รุ่น 1.6 ลิตร Ambiente รับอัตราดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     รุ่น 1.6 ลิตร Trend  รับอัตราดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     รุ่น 2.0 ลิตร รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ (SSP) 3 ปี /60,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

     Ford Ranger

     สำหรับรุ่น XL, XLS, XLT เกียร์ธรรมดา รับอัตราดอกเบี้ย 1.99% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
     สำหรับรุ่น DBL XLT HR เกียร์ออโต้ รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     Ford Territory

     รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     Ford Everest

     ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

Ford Escape

     รุ่น 4x2 XLT+
     ราคาพิเศษเพียง 999,000 บาท พร้อมรับดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน)

     รุ่น 4x4 XLT+
     ราคา 1,099,000 บาท พร้อมรับดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

     **ทุกรุ่นหมดเขต 31 มกราคม 2557



     โปรโมชั่น NISSAN (นิสสัน)


     Nissan Juke

     รับสิทธิซื้อประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection ราคาเพียง 8,999 บาท
      “สินเชื่อเบาใจ” ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 6,666 บาท
     หรือ Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,199 บาท (เงินดาวน์ 25%)
     หรือ ดาวน์ต่ำเพียง 10%
     หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน

     Nissan Almera

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% หรืออัตราดอกเบี้ย 1.99% สำหรับรุ่น "Smart Edition" (ดาวน์ 15% ผ่อน 24-48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,646 บาท

     รับบัตรกำนัลนิสสัน ลิสซิ่ง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

     Nissan March

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% หรืออัตราดอกเบี้ย 1.99% สำหรับรุ่น "Smart Edition" (ดาวน์ 15% ผ่อน 24-48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 4,099 บาท

     รับบัตรกำนัลนิสสัน ลิสซิ่ง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

     Nissan Pulsar

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% หรืออัตราดอกเบี้ย 1.59% สำหรับรุ่น "Smart Edition" (ดาวน์ 9% ผ่อน 24-48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,199 บาท

     รับบัตรกำนัลนิสสัน ลิสซิ่ง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

     Nissan Sylphy

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% หรืออัตราดอกเบี้ย 1.99% สำหรับรุ่น "Smart Edition" (ดาวน์ 9% ผ่อน 24-48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,899 บาท

     รับบัตรกำนัลนิสสัน ลิสซิ่ง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท

     Nissan Sylphy 1.6 E CVT CNG

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% หรืออัตราดอกเบี้ย 1.99% สำหรับรุ่น "Smart Edition" (ดาวน์ 9% ผ่อน 24-48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,799 บาท

     หรือ คูปองน้ำมัน มูลค่า 28,000 บาท

     Nissan Teana

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% (เงินดาวน์ 25% ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน)

     หรือ เงินดาวน์ 188,888 บาท (อัตราดอกเบี้ย 2.38%, 48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 13,599 บาท

     Nissan Urvan
     ดาวน์ต่ำสุด 10% (ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 48เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเพียงวันละ 399 บาท

     หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน (เงินดาวน์ขั้นต่ำ 25%)

     Nissan X-Trail

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% (เงินดาวน์ 20% ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน)

     หรือ คูปองน้ำมัน 60,000 บาท

     หรือ "Nissan Easy Pay" ผ่อนเริ่มต้นเพียง 12,899 บาท

     หรือ ดาวน์ต่ำสุด 59,999 (อัตราดอกเบี้ย 1.89% ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน) 

     Nissan Navara

     Nissan Navara K/Cab รุ่นปี 2013 เครื่องยนต์เบนซิน

     คูปองน้ำมัน 30,000 บาท

     Nissan Navara K/Cab รุ่นปี 2013 (ทุกเกรด ยกเว้นเครื่องยนต์เบนซิน)

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% (เงินดาวน์ 9,999 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,656 บาท

     นิสสัน นาวารา ดับเบิ้ล แค็บ รุ่นปี 2013 ทุกเกรด

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% (เงินดาวน์ 9,999 บาท, ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน)

     นิสสัน นาวารา ดับเบิ้ล แค็บ รุ่นปี 2013 (Euro4)

     อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% (เงินดาวน์ 39,999 บาท, ระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน)

     หรือ “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,199 บาท

     หรือ บัตรกำนัลนิสสัน ลีสซิ่งมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท

     ทุกรุ่นรับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี (ยกเว้น Urvan)
    
     **กรุ่นหมดเขต 31 พฤศจิกายน 2556


     โปรโมชั่น MAZDA (มาสด้า)


     โปรโมชั่น Mazda Hot Deal ร้อนแรงถึงขีดสุด กับข้อเสนอสุดเร้าใจ

     Mazda 2 (Elegance, Sport)

     รับดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน
     พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1

     Mazda 3

     รับข้อเสนอสูงสุด 175,000 บาท หรือดอกเบี้ย 0% นาน 72 เดือน
     พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1

     Mazda BT-50 Pro

     รับดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน หรือผ่อนเริ่มต้น 7,333 บาทต่อเดือน
     พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1

     รับดอกเบี้ย 0% หรือผ่อนเริ่มต้น 7,333 บาทต่อเดือน

     **ทุกรุ่นหมดเขต 28 กุมภาพันธ์ 2557

     โปรโมชั่น CHEVROLET (เชฟโรเลต)


     Chevrolet Exclusive Days ลดราคาเชฟโรเลตกว่า 200,000 บาท วันที่ 18-19 ม.คนี้ ดูรายละเอียดคลิกที่นี่

     Sonic

     ดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน เมื่อดาวน์ 25% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี สำหรับ โซนิค MY14 ทุกรุ่น

     Spin

     ดอกเบี้ย 0.99 % นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
     หรือ บอลลูน 60 เดือน เมื่อดาวน์ 25% ผ่อนเริ่มต้น 6,990 บาท

     Cruze

     ฟรี ค่าบำรุงรักษา 5 ปี  และ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี สำหรับเชฟโรเลต ครูซ MY 13 ทุกรุ่น

     Captiva

      ดอกเบี้ย 0.69% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

     Trailblazer

     ดอกเบี้ย 1.99% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี สำหรับเทรลเบลเซอร์ MY14 ทุกรุ่น

     Colorado

      X-Cab และ C-Cab
     ดอกเบี้ย 1.99% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี

     **ทุกรุ่นหมดเขต 31 มกราคม 2557

ใครมองหารถใหม่อยู่ก็รีบๆกันหน่อยนะครับ เหลืออีกแค่ไม่กี่วันแล้วครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก sanook.com ครับ 


โปรโมชั่นโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้า ฟอร์ด เชฟโรเลต / Promotion for Toyota Honda Nissan Mazda Ford Chev end this Jan 2014

สเป็ค All-new Toyota Altis 2014 โตโยต้าอัสติส เวอร์ชั่นไทย

สเป็ค All-new Toyota Altis 2014 โตโยต้าอัสติส เวอร์ชั่นไทย

 ใกล้ถึงเวลาการเปิดตัว All-new Toyota Corolla Altis 2014

โตโยต้าอัสติส รถขนาดคอมแพ็คขายดีของไทยเข้าไปทุกที โดยล่าสุดมีผู้ติดตามข่าวสารของอัลติสใหม่ นำรายละเอียดทางเทคนิคมาเปิดเผยให้ทราบกัน

All-new Toyota Altis 2014 โตโยต้าอัสติส

All-new Toyota Altis 2014 โตโยต้าอัสติส


     โดยรุ่นย่อยทั้งหมดที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มีจำนวนถึง 8 รุ่นด้วยกัน ซึ่ง 2 รุ่นในจำนวนนี้ เป็นรุ่นติดตั้งพลังงานทางเลือก CNG ด้วย
     ทางด้านเครื่องยนต์นั้น อาจตัดรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรออกไป และทำตลาดเพียงแค่ 2 ขนาดเท่านั้น คือ 1.8 และ 1.6 ลิตร ซึ่งคาดว่าเพื่อให้ Altis 2014 ใหม่ สามารถรอง รับพลังงานทางเลือก E85 ได้จนถึงรุ่นท๊อปสุดนั่นเอง เครื่องยนต์ให้พละกำลังเท่าตัวปัจจุบัน โดยรุ่น 1.8 ลิตรมีกำลังสูงสุดที่ 139 แรงม้า และรุ่น 1.6 ลิตรมีกำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า ส่วนเวอร์ชั่น CNG จะมีให้เลือกในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเท่านั้น
Toyota Altis 2014 Interior

All-new Toyota Altis 2014 โตโยต้าอัสติส ภายใน

     ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมอัตราทด 7 สปีด และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด
     นอกจากนั้นยังมีรุ่นที่ใช้รหัส 'S' ที่มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วมาให้เป็นทางเลือก ขณะที่รุ่นท็อปสุดใช้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

     รายละเอียดเพิ่มเติมคงต้องรอเปิดตัวราวเดือน มกราคม 2557 นี้

CPS - งานตัวอย่างสั่งผลิตตามตัวอย่างซึ่งเป็นออยล์คูลเลอร์ Komatsu รุ่นเก่าแล้ว ไม่มีผลิตแล้ว แต่เรายังผลิตได้อยู่

 งานตัวอย่างสั่งผลิตตามตัวอย่างซึ่งเป็นออยล์คูลเลอร์ Komatsu รุ่นเก่าแล้ว ไม่มีผลิตแล้ว แต่เรายังผลิตได้อยู่

งานสั่งทำออยล์คูลเลอร์ ตัวนี้ เป็นออยล์คูลเลอร์เก่าจากเซียงกงที่ลูกค้านำมาให้ทางร้านซ่อม แต่ดูท่าทางจะเป็นไปได้ยากเพราะเป็นห่วงเรื่องตัวซีนต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นออยล์เก่า ตัวซีนต่างๆอาจจะกรอบไปแล้ว ถ้าเปิดออกมา แล้วจะปิดกลับ หรือทำการเชื่อมใดๆ ก็อาจจะทำให้งานงอกได้ ดังนั้นจีงจำเป็นต้องเสนอให้ลูกค้าทำการสั่งทำใหม่ทั้งใบไปเลย

ใช้เวลาในการ ผลิตออยล์คูลเลอร์ โคมันสุ ใบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์

โคมัสซุ ออยล์คูลเลอร์ / Komatsu Oil cooler
Komatsu oil cooler / โคมัสซุ ออยล์คูลเลอร์


หน้าตาออกมา เยี่ยมเลย จุดสำคัญเน้นที่ตำแหน่งการยึดต่อ ตรงหน้าแปลน แล้วก็ขนาดโดยรวมไม่ให้เกินของเดิม แต่เราเปลี่ยนจากออยล์คูลเลอร์ สามชั้น มาเป็น แบบใบเดียว เพื่อให้สะดวกในการประกอบ ติดตั้ง และประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น

ยังไงถ้าพี่น้องท่านใดสนใจ ติดต่อมาทางบริษัทโดยตรงได้เลย ที่ 038 272 646 บริษัท ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป จำกัด

หลักการทำงานพื้นฐานของระบบปรับอากาศรถยนต์

 หลักการทำงานพื้นฐานของระบบปรับอากาศรถยนต์

      ก่อนอื่นมารู้จักหลักการทำงานของแอร์ในรถยนต์ โดยเริ่มต้นจากคอมเพรสเซอร์ (Compressor) อัดน้ำยาแอร์ ซึ่งมีอุณหภูมิร้อนสูง ส่งไปยัง คอยล์ร้อน (Condenser) ให้ระบายความร้อนออกไปจนน้ำยาแอร์เย็น เป็นของเหลวนำไปเก็บที่ถังพัก (Dryer Receiver)  จากนั้นน้ำยาแอร์จะถูกส่งไปพ่นเป็นฝอย โดยเอ็กเพนชั่นวาล์ว  (Expansion Valve) เข้าไปในคอยล์เย็น (Evaporator) ให้น้ำยาแอร์เย็นมากๆเพื่อดูดความร้อนในอากาศโดยมีพัดลมแอร์ในตู้แอร์เป็น ตัวดูดหรือเป่าอากาศผ่านซี่ตะแกรงคอยล์เย็นให้เปลี่ยนเป็นอากาศเย็นเข้าสู่ ห้องโดยสาร เราจึงรู้สึกเย็นสบายเมื่อแอร์รถเริ่มทำงาน
ระบบทำความเย็นรถยนต์
 หลักการทำงานพื้นฐานของระบบปรับอากาศรถยนต์
  

  การที่พัดลมแอร์ในตู้แอร์เป่าลมเข้าสู่ห้องโดยสารจะดูดฝุ่นมลภาวะจากอากาศ ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกรถ เข้าไปจับกับหยดน้ำที่กลั่นจากซี่คอยล์เย็น เมื่อฝุ่นสกปรกผสมกับน้ำจะกลายสภาพเป็นโคลนเหนียวจับติดหน้าคอยล์เย็น เป็นบ่อเกิดของเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรียและยังทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับโดยเฉพาะนิโคตินจากควันบุหรี่ คราบเมือกจากน้ำหอมปรับอากาศล้วนเป็นสิ่งเพาะเชื้อโรคเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่า รถยนต์หลายๆ รุ่นมีกรองอากาศดักฝุ่นก่อนเข้าตู้แอร์ แต่อายุการใช้งานที่จำกัดและสู้มลภาวะและอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยไม่ได้ จึงทำให้คอยล์เย็นสกปรกมากกว่าที่เราคิดนี่คือเหตุผลที่เราต้องทำความสะอาด คอยล์เย็นเป็นประจำทุกปีสุขภาพของเรา และรถยนต์ควรดูแลป้องกันไว้ดีกว่าเป็นปัญหาแล้วมาแก้ไขภายหลัง ซึ่งยากกว่าหลายเท่า นอกจากนี้ ระบบถ่ายเทความร้อนของแอร์รถที่สะอาดจะดีกว่าซี่คอยล์เย็นที่สกปรกอุดตัน ช่วยให้แอร์เย็นเร็วและลมแรงยังเป็นการยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์แอร์รถยนต์ หลายๆชิ้นอีกด้วย

 หลักการทำงานพื้นฐานของระบบปรับอากาศรถยนต์

CPS เปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำขนาดใหญ่ ที่ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป ชลบุรี Exchange Radiator Core ทำเร็ว คุณภาพสูง ใช้งานได้นาน ทน แข็งแรง ราคาไม่แพง

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำขนาดใหญ่


อันนี้เป็นอีกหนึ่งงานที่พึ่งเสร็จไปเรียบร้อย รอเพียงพ่นสีอย่างเดียว

เป็นงานเป็นรังผึ้งหม้อน้ำขนาดสูง กว้าง สองเมตรกว่าๆ

ตามภาพด้านล่างนี้ คือตัวงานที่ทำการเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาในการทำประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น

ใช้โครงสร้างเดิม ทำรังผึ้งหม้อน้ำเป็นสึ่ใบแล้วประกบเข้าไป เหมือนกับตัวเดิมๆของมัน

ซึ่งวางกองให้เห็นอยู่ด้านข้าง ขวามือของรูป

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำขนาดใหญ่

งานเปลี่ยนรังผึ้งหม้อน้ำขนาดใหญ่

สนใจหรือมีงานลักษณะนี้ติดต่อ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนได้ที่ 038 272 646

บริษัท ชลประสิทธิ์ กรุ๊ป จำกัด ชลบุรี 


ยึ่ห้อที่รู้กันในวงการ CPS

ทำเร็ว คุณภาพสูง ใช้งานได้นาน ทน แข็งแรง ราคาไม่แพง

Honda City กับ Toyota Vios ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน คันไหนดีกว่า อะไรดีกว่า ฮอนด้า ซิตี้ กับ โตโยต้า วีออส

Honda City กับ Toyota Vios ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน คันไหนดีกว่า อะไรดีกว่า

 10 ความคิดเห็นจากหลายๆท่าน ที่เป็นผู้ใช้ทั้ง honda city และ toyota vios ลองอ่านๆ แล้วก็วิเคราะห์กันดูนะครับ ว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน ระหว่าง Honda City กับ Toyota Vios

Honda City / ฮอนด้า ซิตี้ Toyota Vios / โตโยต้า วีออส
Honda City / ฮอนด้า ซิตี้ Toyota Vios / โตโยต้า วีออส


  1. ผมว่าคุณไปดูอุปกรณ์การประกอบ. เสียงการปิดประตูว่าแน่นหนักหรือไม่, ลองขับทั้ง 2 ยี่ห้อเองว่าชอบการขับและชอบลักษณะของรถแบบไหนแล้วถูกใจจะดีกว่าครับโดยความ เห็นของผมแล้วดีทั้ง 2 รุ่นแแหละแต่ขึ้นอยู่กับความชอบของรูปทรงและมุมมองการขับมากกว่า ฟังคนอื่นมากเดี๋ยวตัดสินใจไม่ได้นะครับเพราะส่วนมากเห็นว่าคนที่ชอบยี่ห้อ ไม่ชอบยี่ห้อนึงก็จะเชียร์รุ่นที่ชอบว่ารุ่นที่ไม่ชอบ เพราะคุณเป็นคนซื้อคุณต้องลองขับแล้วเลือกว่าถูกใจการขับของรุ่นไหนที่ศูนย์ เค้ามีรถลองขับอยู่แล้ว (ต้องลองทั้ง 2 รุ่นที่ดูนะครับอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจจะได้รู้ว่าการขับทั้ง 2 รุ่นเป็นยังไง) ส่วนความเห็นประกอบควรทราบคือสิ่งที่ได้มาของแต่ละรุ่นครับทั้งสมรรถนะของ แถมและค่าใช้จ่ายและที่ลืมไม่ได้คือการบริการของศูนย์รถและยี่ห้อรถครับ ขอให้ได้รถตามความชอบจริงๆครับ ...  
  2. ผมขับซิตี้ครับ แต่มันมีปันหาเรื่องโครงรถบังทัศนวิสัย
    เสียงดังจากภายนอกอันนี้ไม่ทราบรุ่นใหม่แก้ไขรึยัง(ของผม 2010)
    โช๊คแข็ง หลุมนิดเดียวดุ้งอย่างกับตกท่อระบายน้ำ
    แต่ที่ใช้อยู่ทุกวันเพราะไม่มีปัญญซื้อใหม่ 5555+++
    ส่วนวิออสขับของแฟนอยู่บ่อยๆ ขับสบายมาก นุ่มดีครับ
    ติด CNG ก้ได้(ซิตี้ระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าเลยได้แค่ LPG)
    แต่ก็ต้องลองครับใช้เองต้องเลือกเองครับ
  3. new city ผมไม่เคยขับ แต่ผมใช้วีออสตัวปี2008อยู่3ปี ช่วงล่างนิ่มดี แต่เวลาเข้าโค้งไม่ค่อยมันใจเท่าไหร่ผมขับเส้นเชียงราย-เชียงใหม่เคยหลุดลง ข้างทางไปหนนึงเลี้ยวโค้งไม่ค่อยดี  ส่วนเรื่องเครื่องทนมากๆครับ ผมเอาไปติดแก๊สตอนสองหมื่นโลขับมาแสนกว่าโล เจียวาวล์ไปครั้งเดียว ผมเป็นคนขับรถเร็ว140-160 ต่างจังหวัด ตอนนี้มาขับnew jazz วิ่งมาเกือบห้าหมื่นโลแล้วติดแก๊ส lpgตั้งแต่พันโล ยังไม่มีปัญหาอะไร ช่วงล่างดีกว่าวีออสไม่โยนวิ่งเร็วนิ่งกว่า แต่จะเด่งกว่า
  4. เคยใช้วีออสมาสี่ปี โอเคประหยัดน้ำมัน เครื่องนิ่มใช้ได้
    แต่พอมาลองขับซิตี้รุ่นปี12 ก็นิ่มดีไม่แพ้กัน โครงสร้างของ วีออส ไม่ว่าประตูหรือกระจก ง็อกแง็กไปหน่อย...รูปร่างเปลี่ยนล่าสุดก็ดูไม่เปลี่ยนไป
    ส่วนซิตี้ รูปร่างสวยดีโฉมใหม่ยิ่งดี ไฟหน้าแผงภายในก็ดูดี ถ้ายิ่งใส่แม็กซ์โหลดนิดเจ็งมากอ่ะ...
  5. อย่าไปเอาวีออสครับ ห่วยแตก
    ได้ยินคนเค้าด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะไฟตัดหมอกท้ายมันแสบตา
    เอ๊ะ!!  รึว่า . . . คุณคุณขับรถตามเขา เคยเช็คไฟหน้ารถตัวเองเปล่า
  6. สิงที่ต้องควรคำนึงถึง
    1.ค่าซ่อมบำรุ่งของทั้งสองยี่ห้อต่างกันประมาณ 15%
    2.ราคาขายต่อ
    3.ราคาอะไหล่
    4.ของแถม ประกันภัยและชุดแต่ง
    สิงเหล่านี้คุณควรจะต้องคำนึ่งถึงอันดับแรกๆค่ะก้อลองศึกษาดูว่าชอบอย่างไรแบบไหนถ้าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาก้อเลือกตามใจชอบเลยค่ะ
  7. ไม่อยากแนะนำนะ..แล้วแต่ตัดสินใจ  ที่บ้านใช้โตโยต้า 2 คัน วีออดกับอาร์ทิส  เวลารถติดไฟแดงและเป็นไฟเขียว  ขอบอกมันมาก เร็ว..และแรงไปก่อน City อีก  ข้อที่ 1 รถตลาดซื้อง่ายขายคล่อง ข้อที่ 2 อะไหล่หาง่าย ราคาซื้่อขายไม่ตก  แต่ก่อนใช้ ฮอนด้า แล้วซ่อมบ่อย ช่วงล่างไม่ดี มีปัญหาเครื่องบ่อย  รูปลักษณ์สวย ทันสมัย  ราคาต่างกันนิดหน้อยเอง
  8. วีออสนุ่มดีจริง ขายต่อง่ายจริง

    City แต่งแล้วสวย เข้ม ช่วงล่างแข็งกว่าวีออสนิดหน่อยแต่เข้าศูนย์แล้ว
    ค่าบริการถูกกว่าน้องโตแน่นอน การขับทางไกลเข้าโค้งเกาะถนนดีกว่า
    มีเสียงลมเข้ารถเป็นธรรมดา

    อยู่ที่นิสัยการขับของเรานะคะว่าเราชอบขับแบบไหน
    นุ่มย้วยไปเรื่อยๆ ก็วีออส

    ปราดเปรียว แข็งขึ้นมานิดก็ City
  9. ผมคิดว่าวีออสดีกว่า เพราะตอนนี้ผมใช้อยู่รุ่น 50ปี ช่วงล่างดี แรง และประหยัดน้ำมัน ออกตัวดี ราคาก็อยู่ในระดับกลางๆ ส่วนเรื่องการขายต่อก็ง่าย
    ติดแก๊สแล้ววิ่งดี เขาทำเครื่องมาเหมาะสมกับทั้ง 2 ระบบ

    ส่วน ซิตี้ เป็นรถที่อะไหล่แพง ราคารถก็แพง รวมๆทุกอย่างแพงหมด ยกเว้นราคาขายต่อที่ถูก เพราะไม่เป็นที่ต้องการเท่าไหร่ ติดแก๊สแล้วเวลาวิ่งก็ไม่นิ่งมักมีปัญหา แถมกินน้ำมันด้วย มีดีตรงที่สวยเฉยๆ

    สุดท้ายก็แล้วแต่คนชอบครับ...
  10. ใช้วีออสมา5-6ปีแล้ว ติดตั้งlpgด้วยไม่เคยมีปัญหา ขับสนุก เกาะถนนดี นุ่มสบาย
    ซิตี้เคยใช้มา2ปี กินน้ำมัน ขับ110-120 ตูดแกว่ง การทรงตัวไม่ค่อยดี แข็งๆ

    ส่วนตัวชอบวีออสค่ะ เพราะใช้มายังไม่เคยมีปัญหาจุกจิกกวนใจค่ะ

อาการผิดปรกติต่างๆของรถ ที่ต้องรีบเข้าอู่ซ่อม

อาการผิดปรกติต่างๆของรถ ที่ต้องรีบเข้าอู่ซ่อม 


     อาการผิดปกติของรถที่ ควรรีบเช็กและซ่อมแซมโดยเร็ว ก่อนจะเกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม ได้แก่ เครื่องยนต์ ถ้าร้อนจัดเกินไป ขับไปได้ไม่เท่าไร ความร้อนก็ขึ้นสูง, เย็นเกินไป แม้จะขับมาระยะทางไกลพอสมควรแล้ว เข็มวัดอุณหภูมิยังไม่กระดิก, มีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์

อาการผิดปรกติต่างๆของรถ ที่ต้องรีบเข้าอู่ซ่อม
อาการผิดปรกติต่างๆของรถ ที่ต้องรีบเข้าอู่ซ่อม

     ยาง หากดอกยางตรงกลางล้อสึกหรอมากกว่าขอบ แสดงว่าเติมลมแข็งเกินไป, ดอกยางขอบล้อ สึกหรอมากกว่าตรงกลาง แสดงว่าเติมลมอ่อนเกินไป, ดอกยางสึกหรอข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่ามุมแนวตั้งของยางไม่ตรง , ดอกยางเป็นบั้งๆ แสดงว่าแนวของยางไม่ขนานกับแนวเคลื่อนที่ของรถ ควรนำรถเข้าอู่เพื่อตั้งศูนย์ล้อ หรือปรับแรงดันลมยางใหม่

     คลัตช์ ที่มีปัญหา จะทำให้ควบคุมเกียร์ไม่ได้ อย่าละเลยอาการเหล่านี้ เช่น คลัตช์ลื่น หรือเข้าคลัตช์ไม่สนิท หรือเหยียบแป้นคลัตช์แล้ว แต่ยังเข้าเกียร์ได้ยาก, คลัตช์มีเสียงดังเมื่อเหยียบแป้นคลัตช์, แป้นคลัตช์สั่นขึ้นๆ ลงๆ ขณะกำลังขับ

     เกียร์ จะทำหน้าที่เปลี่ยนแรงบิดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับความเร็ว สัญญาณบอกเหตุว่าเกียร์มีปัญหาคือ มีเสียงดังทั้งในขณะอยู่ที่เกียร์ว่าง หรือเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่งอยู่, เปลี่ยนเกียร์ยาก มีอาการติดขัด หรือต้องขยับอยู่นาน, มีเสียงดังขณะเข้าเกียร์ทั้งที่เหยียบคลัตช์แล้ว ห้องเกียร์มีน้ำมันหล่อลื่นไหลออกมา

     พวงมาลัย ที่มีปัญหาเหล่านี้ จะทำให้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ยางเฟืองท้ายชำรุดตามไปด้วย ได้แก่ พวงมาลัยหนัก หรือต้องใช้แรงมากผิดปกติในการบังคับเลี้ยว, พวงมาลัยหลวมเกินไป โดยมีระยะฟรีเกิน 1 นิ้ว, พวงมาลัยสั่นในขณะขับ ควรนำเข้าศูนย์บริการเฉพาะยี่ห้อ

     เบรก ถ้าพบว่าเบรกมีอาการผิดปกติ ต้องรีบแก้ไขทันที เช่น เบรกลื่น หยุดรถไม่อยู่ แม้จะไม่ได้ลุยน้ำ, เบรกแล้วรถปัดไปข้างใดข้างหนึ่ง, แป้นเบรกยังจมลึกลงไปทั้งที่ถอนเท้าออกมาแล้ว ควรนำรถเข้าอู่ซ่อมเบรกทันที

     ไฟชาร์จ ควรจะปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่อง และเมื่อสตาร์ตติดแล้ว ครู่หนึ่งก็จะดับลง แต่ถ้าไฟชาร์จไม่สว่าง หรือสว่างแล้วไม่ยอมดับ อาจเกิดจากไดชาร์จผิดปกติหรือสาเหตุอื่น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ รีบนำรถเข้าอู่ไดชาร์จหรือระบบไฟ

     หลอดไฟ ถ้าขาดบ่อยหรือต้องเติมน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี่บ่อยเกินไป แสดงว่าอุปกรณ์ที่เราเรียกว่า "เรกูเลเตอร์" ทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟให้เหมาะสมชำรุด ควรนำรถเข้าอู่ระบบไฟ เพื่อซ่อมเรกูเลเตอร์ หรือหากชำรุดก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่

    น้ำมันหล่อลื่น ถ้าสัญญาณไฟเตือนระบบน้ำมันหล่อลื่นสว่างขึ้นในขณะขับขี่รถยนต์ หมายถึงว่า เครื่องยนต์กำลังทำงาน โดยปราศจากน้ำมันหล่อลื่น รีบนำรถไปยังอู่ที่ใกล้ที่สุดทันที แต่ถ้าอู่อยู่ไกลให้เติมน้ำมันเครื่องใส่ลงในถังน้ำมันหล่อลื่นไปก่อนเป็น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ถ้าเป็นสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันหล่อลื่นแห้ง ควรใช้รถลากไปอู่ซ่อม

ราคารถใหม่ เชฟโรเลต Chevrolet ในตลาดรถยนต์

ราคารถใหม่ ราคารถเชฟโรเลต / Chevrolet ในตลาดรถยนต์

 รถยนต์ เชฟโรเลต / Chevrolet ราคาเชฟโรเลต รุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน
                Chevrolet Sonic , Chevrolet Cruze , Chevrolet Captiva , Chevrolet Corolado , Chevrolet Trailblazer, Chevrolet Spin


ตาราง ราคาเชฟโรเลต รุ่นต่างๆ


Chevrolet Sonic price / ราคาเชฟโรเลต โซนิค
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Sonic  4  ประตู 1.4 5MT LS 548,000
Chevrolet Sonic  4  ประตู 1.4 6AT LS          578,000
Chevrolet Sonic  4  ประตู 1.4 5MT LT 588,000
Chevrolet Sonic  4  ประตู 1.4 6AT LT 615,000
Chevrolet Sonic  4  ประตู 1.4 6AT LTZ 679,000
Chevrolet Sonic  5  ประตู 1.4 5MT LT 601,000
Chevrolet Sonic  5  ประตู 1.4 6AT LT 632,000
Chevrolet Sonic  5  ประตู 1.4 6AT LTZ 687,000

Chevrolet Cruze price / ราคาเชฟโรเลต ครูส
รุ่น ราคา(บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Cruze 1.6 MT Base 759,000
Chevrolet Cruze 1.6 AT LS 832,000
Chevrolet Cruze 1.8 MT LS 845,000
Chevrolet Cruze 1.8 AT LS 895,000
Chevrolet Cruze 1.8 AT LT 936,000
Chevrolet Cruze 1.8 AT LTZ 998,000 อ่านบททดสอบที่นี่
Chevrolet Cruze 2.0 AT LTZ 1,248,000 เครื่องดีเซล ,อ่านบททดสอบที่นี่

Chevrolet Captiva price / ราคาเชฟโรเลต แคปติว่า
รุ่น ราคา(บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Captiva 2.4 AT Gas LS 1,198,000
Chevrolet Captiva 2.4 AT Gas LSX 1,282,000
Chevrolet Captiva 2.4 AT Gas LT 1,507,000
Chevrolet Captiva 2.4 AT Gas LTZ 1,580,000
Chevrolet Captiva 2.0 DSL AT LSX 1,410,000
Chevrolet Captiva 2.0 DSL AT LT 1,635,000
Chevrolet Captiva 2.0 DSL AT LTZ 1,699,000

Chevrolet Colorado Single & X-Cab price / ราคาเชฟโรเลต โคโลราโด้ ตอนเดียว และ เอ็กแคป
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Colorado 2.5 Cab Chassis White 551,000 ไม่มีกระบะ
Chevrolet Colorado 2.5 S- Cab LS 537,000 รถหัวเดียวมีกระบะ
Chevrolet Colorado 2.5  2 WD X-Cab LS 584,000
Chevrolet Colorado 2.5  2 WD X-Cab LS1 594,000
Chevrolet Colorado 2.5  2 WD X-Cab LT 648,000
Chevrolet Colorado 2.5  2 WD X-Cab LTZ 715,000
Chevrolet Colorado 2.5  2 WD X-Cab LT Z71 688,000
Chevrolet Colorado 2.5  4 WD X-Cab LT Z71 730,000 อ่านบททดสอบที่นี่
Chevrolet Colorado 2.8  2 WD X-Cab LTZ 745,000
Chevrolet Colorado 2.8  2 WD X-Cab LT Z71 718,000
Chevrolet Colorado 2.8  2 WD X-Cab LTZ Z71 787,000
Chevrolet Colorado 2.8  2 WD X-Cab  AT LT Z71 775,000
Chevrolet Colorado 2.8  4 WD X-Cab  LT Z71 773,000
Chevrolet Colorado 2.8  4 WD X-Cab   LTZ Z71 852,000
*Z71 - ช่วงล่างแบบยกสูง
Chevrolet Colorado Crew Cab price / ราคาเชฟโรเลต โคโลราโด้ คริว แคป
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Colorado 2.5L 2WD C-Cab LS1 659,500
Chevrolet Colorado 2.5L 2WD C-Cab LT 730,000
Chevrolet Colorado 2.5L 2WD C-Cab LT Z71 765,000
Chevrolet Colorado 2.5L 4WD C-Cab LT Z71 808,000
Chevrolet Colorado 2.8L 2WD C-Cab LTZ 794,000
Chevrolet Colorado 2.8L 2WD C-Cab LT Z71 787,000
Chevrolet Colorado 2.8L 2WD C-Cab LTZ Z71 849,000
Chevrolet Colorado 2.8L 2WD C-Cab AT LT Z71 835,000
Chevrolet Colorado 2.8L 2WD C-Cab  AT LTZ Z71 905,000
Chevrolet Colorado 2.8L 4WD C-Cab  LT Z71 838,000
Chevrolet Colorado 2.8L 4WD C-Cab  LTZ Z71 925,000
Chevrolet Colorado 2.8L 4WD C-Cab  AT LTZ Z71 998,000
*Z1 - ช่วงล่างแบบยกสูง
Chevrolet Trailblazer price / ราคาเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Trailblazer 2.5 M/T LT 1,059,000
Chevrolet Trailblazer 2.8 2WD LT 1,249,000
Chevrolet Trailblazer 2.8 4WD LT 1,299,000
Chevrolet Trailblazer 2.8 4WD LTZ 1,398,000
Chevrolet Trailblazer 2.8 4WD LTZ 1 1,489,000

Chevrolet Spin price / ราคาเชฟโรเลต สปริน
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Spin1.5 LTZ 762,000 .

Chevrolet Aveo price / ราคาเชฟโรเลต เอวีโอ้
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Chevrolet Aveo 1.4 MT Base E20 505,000
Chevrolet Aveo 1.4 AT Base E20 550,000
Chevrolet Aveo 1.4 MT LS E20 539,000
Chevrolet Aveo 1.4 AT LS E20 584,000
Chevrolet Aveo 1.4 AT LT E2 649,000
Chevrolet Aveo 1.4 AT LSX E20 624,000
Chevrolet Aveo 1.4 AT LUX E20 684,00
Chevrolet Aveo 1.4 AT SS E20 664,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT LT E20 679,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT LSX E20 649,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT LUX E20 714,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT SS E20 694,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT Base CNG 635,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT LS CNG 669,000
Chevrolet Aveo 1.6 AT LSX 709,000

ขอบคุณข้อมูล ราคาเชฟโรเลต แจ่มๆจาก sanook.com

ราคารถใหม่ มิสซูบิชิ Mitisubishi ในตลาดรถยนต์

ราคาจำหน่ายรถยนต์  มิสซูบิชิ / Mitsubishi

รถยนต์ มิสซูบิชิ Mitsubishi  ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
                Mitsubishi Mirage,Mitsubishi Lancer EX,Mitsubishi Triton ,Mitsubishi Pajero Sport


Mitsubishi Mirage / ราคารถมิสซูบิชิ มิราจ
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Mirage GL (MT) 380,000
Mitsubishi Mirage  GLX (MT) 426,000
Mitsubishi Mirage  GLX (AT-CVT) 460,000
Mitsubishi Mirage  GLS (AT-CVT) 506,000
Mitsubishi Mirage  GLS Ltd. (AT-CVT) 546,000

Mitsubishi Lancer / ราคารถมิสซูบิชิ แลนเซอร์
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Lancer GLX 1.6 M/T 599,000
Mitsubishi Lancer GLX 1.6 A/T CVT 639,000
Mitsubishi Lancer GLX 1.6 M/T 652,000
Mitsubishi Lancer CNG 1.6 A/T CVT 692,000

Mitsubishi Lancer EX / ราคารถมิสซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กส์
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Lancer EX GLX (1.8) 794,000
Mitsubishi Lancer EX GLS Ltd. (1.8) 879,000 ภายในสีเทา
Mitsubishi Lancer EX GLS Ltd. (1.8) 879,000 ภายในสีดำ
Mitsubishi Lancer EX GT 1,051,000

Mitsubishi Triton Single Cab / ราคารถมิสซูบิชิ ไทรทัน ตอนเดียว
รุ่น ราคา หมายเหตุ
Mitsubishi Triton Single Cab 2.4 GL 433,000
Mitsubishi Triton Single Cab 2.5 GL 495,000
Mitsubishi Triton Single Cab CNG 2.4 GL 493,000
Mitsubishi Triton Single Cab 2.5 GLX 4X4 599,000
Mitsubishi Triton Single Cab 3.2 GLX 4X4 637,000

Mitsubishi Triton Mega Cab / ราคารถมิสซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แคป
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Triton Mega Cab  2.4 GLX 571,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  2.5 GLX 598,000
Mitsubishi Triton Mega Cab CNG  2.4 GLX 626,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus 2.5 GLX 625,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus 2.5 GLS 689,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus 2.5 GLX (A/T) 738,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus 2.4 GL 643,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus CNG 2.4 GLS 708,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus White pearl 2.4 GLS 658,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus White pearl 2.5 GLS 704,000
Mitsubishi Triton Mega Cab  Plus White pearl 2.4 GLS (A/T) 753,000

Mitsubishi Triton Double Cab / ราคารถมิสซูบิชิ สองตอน ดับเบิ้ล แคป
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Triton Double Cab  Std. 2.4 GLX 627,000
Mitsubishi Triton Double Cab  Std. 2.5 GLX 659,000
Mitsubishi Triton Double Cab  Std. 2.4 GLX CNG 692,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS . 2.4 GLS 730,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS CNG 2.4 GLS 795,000
Mitsubishi Triton Double Cab PLUS  2.5 GLS 776,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS A/T 825,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.4 GLS White Pearl 750,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS White Pearl 796,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS White Pearl (A/T) 845,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS 4X4 791,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS-Limited 4X4 903,000
Mitsubishi Triton Double Cab  PLUS 2.5 GLS- Limited 4X4 (A/T) 952,000

Mitsubishi Pajero Sport / ราคารถมิสซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต
รุ่น ราคา(บาท) หมายเหตุ
Mitsubishi Pajero Sport 2.4 GLS 920,000 2WD
Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GLS 1,021,000 2WD
Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT 1,209,000 2WD
Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT 1,372,000 4WD
Mitsubishi Pajero Sport 3.0 GT V6 1,305,000
**สีขาวมุกเพิ่ม 15,000 บาท

ขอบคุณข้อมูลดีๆนำมาแบ่งปันจาก sanook.com

ราคารถใหม่ ฮอนด้า Honda ในตลาดรถยนต์

ราคารถใหม่ ฮอนด้า / Honda

รถที่วางจำหน่ายในปัจจุบันของ ฮอนด้า / Honda

                Honda Brio,Honda Brio Amaze ,Honda Jazz,Honda Jazz Hybrid,Honda City, Honda City CNG,Honda Civic,Honda Accord,Honda CR-V,Honda Freed,Honda Odysey,Honda Step Wagon Spada,Honda CR-Z

Honda Brio Amaze / ราคารถฮอนด้า บริโอ้ อเมส
รุ่น ราคา หมายเหตุ
Honda Brio Amaze S MT 454,000
Honda Brio Amaze S AT (CVT) 493,000
Honda Brio Amaze V MT 482,000
Honda Brio Amaze V AT (CVT) 521,000

Honda Brio / ราคารถฮอนด้า บริโอ้
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda Brio S MT 433,500
Honda Brio S AT (CVT) 472,500
Honda Brio V MT 469,500
Honda Brio V AT (CVT) 508,500

Honda Jazz / ราคารถฮอนด้า แจ๊ส
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda Jazz S MT 590,000
Honda Jazz S AT 630,000
Honda Jazz V AT 660,000
Honda Jazz SV 715,000

Honda Jazz Hybrid / ราคารถฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด
รุ่น ราคา หมายเหตุ
Honda Jazz Hybrid 768,000 สีขาวบริลเลี่ยนเพิ่ม 10,000 บาท

Honda City / ราคารถฮอนด้า ซิตี้
รุ่น ราคา หมายเหตุ
Honda City S MT 559,000
Honda City S AT 599,000
Honda City V AT 646,000
Honda City SV AT 704,000

Honda City CNG / ราคารถฮอนด้า ซิตี้ ซีเอนจี
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda City  S CNG AT 659,000
Honda City  V CNG AT 706,000

Honda Civic / ราคารถฮอนด้า ซีวิค
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
 Honda Civic S 1.8 MT 778,000
Honda Civic S 1.8 AT 833,000
Honda Civic 1.8 E AT 914,000
Honda Civic 1.8 E AT Navi I 969,000
Honda Civic 2.0 EL Navi 1,130,000


Honda Civic Hybrid / ราคารถฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
 Honda Civic S Hybrid 1,035,000
Honda Civic S Hybrid Navi 1,095,000 ติดตามบททดสอบได้เร็วๆนี้

Honda Accord / ราคารถฮอนด้า แอคคอร์ด
รุ่น ราคา(บาท) หมายเหตุ
Honda Accord2.0 E 1,265,000
Honda Accord 2.0E White 1,275,000
Honda Accord2.0 EL 1,280,000
Honda Accord 2.0EL White 1,299,000
Honda Accord 2.0EL Navi 1,420,000
Honda Accord 2.0 EL Navi White 1,430,000
Honda Accord 2.4 EL 1,547,000
Honda Accord 2.4 EL White 1,557,000
Honda Accord 2.4 EL Navi 1,687,000
Honda Accord 2.4 EL Navi White 1,697,000
Honda Accord V6 3.5 2,940,000
Honda Accord V6 3.5 White 2,950,000
Honda Accord 2.4 Tech 1,799,000

New! Honda CR-V / ราคารถฮอนด้า ซีอาวี
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda CR-V 2.0 S 1,168,000
Honda  CR-V 2.0 E 1,278,000
Honda CR-V 2.4 EL 2WD 1,448,000
Honda CR-V  2.4 EL 1,528,000
**สีขาว Brilliant White Pearl เพิ่ม 12,000 บาท

Honda Freed / ราคารถฮอนด้า ฟรีท
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
 Honda Freed SE 839,000 Brilliant white pearl +10000
Honda Freed EL 949,000
* สำหรับสี Brilliant White Pearl  เพิ่ม 10,000บาท

Honda Step Wagon Spada/ ราคารถฮอนด้า สเตป วากอน สปาด้า
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda Step Wagon Spada 2,174,000 รถนำเข้าจากญี่ปุ่น

Honda Odyssey / ราคารถฮอนด้า โอดิสซี่
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
 Honda Odyssey 2,557,000 รถนำเข้าจากญี่ปุ่น

Honda CR-Z / ราคารถฮอนด้า ซีอาแซท
รุ่น ราคา (บาท) หมายเหตุ
Honda CR-Z 1,975,000 รถนำเข้าจากญี่ปุ่น

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก sanook.com